นายวิชัย ทวินันท์ ประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) เมืองสรวง ต.หนองหิน อ.เมืองสรวง จ.ร้อยเอ็ด นับเป็นหนึ่งเกษตรกรตัวอย่างที่มีความมุ่งมั่นในการทำเกษตรผสมผสาน จนประสบผลสำเร็จ ได้รับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ Organic Thailand และพัฒนาสถานที่พักอาศัยเป็นศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน

จากจุดเริ่มต้นทำเกษตรผสมผสานมาตั้งแต่ปี 2547 โดยมีแนวคิดต้องการเปลี่ยนจากการทำเกษตรแบบใช้สารเคมีมาเป็นเกษตรอินทรีย์ มีการปลูกพืชแบบผสมผสานบนพื้นที่ 7 ไร่ แบ่งเป็น นาข้าวอินทรีย์ 2 ไร่ ไม้ผลและไม้ยืนต้น 2 ไร่ ปศุสัตว์ 1 ไร่ และสระน้ำ 2 ไร่

ที่น่าสนใจ คือ การทำนาข้าวอินทรีย์ พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 แบบเปียกสลับแห้ง... ในช่วงแรกที่ปักดำจะทำการขังน้ำไว้ในนาข้าว เพื่อคลุมไม่ให้มีหญ้าในนา และให้ต้นข้าวฟื้นตัว

หลังจากนั้นจะปล่อยให้น้ำแห้ง แล้วจึงให้น้ำด้วยระบบสปริงเกอร์ในกรณีที่ฝนทิ้งช่วง ทำไปจนถึงช่วงที่ข้าวออกรวง ช่วยกระตุ้นให้รากและลำต้นของต้นข้าวแข็งแรงขึ้น เนื่องจากดินและรากได้รับอากาศ ทำให้สามารถดูดปุ๋ยได้ดีขึ้น ลดการใช้ปุ๋ย ต้นข้าวแข็งแรง ลดการระบาดของโรคแมลง และสามารถลดปริมาณการใช้น้ำได้มากถึงร้อยละ 30-45 เมื่อเปรียบเทียบกับการทำนาแบบทั่วไป

ปีเพาะปลูก 2566/67 พบว่า นายวิชัยมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ไร่ละ 6,293.62 บาท ได้ผลผลิตเฉลี่ยสูงถึงไร่ละ 1,100 กก. ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยไร่ละ 27,500 บาท ได้กำไรไร่ละ 21,206.38 บาท

เปรียบเทียบกับการทำนาโดยทั่วไป จะมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ไร่ละ 4,105.22 บาท ได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 325 กก. ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยไร่ละ 4,625.73 บาท ได้กำไรแค่เพียงไร่ละ 520.51 บาท

จะเห็นได้ว่า แม้ต้นทุนการทำนาแบบเปียกสลับแห้งจะสูงกว่าการทำนาโดยทั่วไป แต่กลับให้ผลผลิตต่อไร่มากกว่าการทำนาแบบทั่วไปถึงร้อยละ 238.46

...

เนื่องจากการทำนาแบบเปียกสลับแห้งช่วยให้ต้นข้าวแข็งแรง ต้านทานโรค และดูดซึมปุ๋ยได้ดี รวมถึงมีการบำรุงดินและการดูแลรักษาที่ดี เลยทำให้ได้ผลผลิตที่สูงขึ้น.

สะ-เล-เต

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้ามองฟ้า เท้าหยั่งดิน” เพิ่มเติม