ปลากดคัง...นับเป็นสินค้าประมงที่มีศักยภาพและเป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรทางเลือกของจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้รับความนิยมของผู้บริโภค ตลาดมีความต้องการต่อเนื่อง ด้วยเนื้อปลากดคังเป็นปลาเนื้ออ่อน รสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
โดยเกษตรกรในพื้นที่มีการเลี้ยงเป็นอาชีพหลักควบคู่ไปกับการทำการเกษตร เนื่องจากปลาชนิดนี้ต้องอาศัยระยะเวลาในการเลี้ยงนานหลายปี แต่ก็สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรเป็นอย่างดี
“การผลิตปลากดคังของจังหวัดอุบลราชธานี เกษตรกรมีการรวมกลุ่มแปลงใหญ่เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากดคัง ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ เป็นกลุ่มแปลงใหญ่เพียง 1 เดียวในจังหวัด ที่ประสบความสำเร็จ มีการวางแผนการผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด เริ่มมีการจัดตั้งกลุ่มแปลงใหญ่ขึ้นเมื่อปี 2546 เนื่องจากเดิมเกษตรกรประกอบอาชีพทำนาเป็นหลัก แต่ประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ จึงเริ่มหันมาเลี้ยงปลานิลในกระชังตามการส่งเสริมของเอกชน แต่มีข้อจำกัดที่ราคาซื้อขายผู้ซื้อเป็นผู้กำหนด กลุ่มจึงเริ่มศึกษาการเลี้ยงปลาที่เป็นที่ต้องการของตลาดและได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า จึงเริ่มปรับเปลี่ยนมาเลี้ยงปลากดคังเพื่อลดความเสี่ยงเรื่องราคา”
...
นางประเทือง วาจรัต ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 11 อุบลราชธานี (สศท.11) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เผยว่า ปัจจุบันกลุ่มแปลงใหญ่เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากดคัง มีเกษตรกรสมาชิก 34 ราย พื้นที่เลี้ยงประมาณ 10 ไร่ 315 กระชัง เลี้ยงเฉลี่ยครัวเรือนละ 10 กระชัง
การเลี้ยง เกษตรกรจะนำพันธุ์ลูกปลากดคังมาปล่อยเลี้ยงประมาณ 500 ตัวต่อกระชัง โดยกระชังจะมีขนาด กว้าง 5 เมตร ยาว 6 เมตร ลึก 2.5 เมตร ใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงประมาณ 3 ปี เพื่อให้ได้ขนาดตัวละ 3-6 กิโลกรัม
กลุ่มแปลงใหญ่จะมีการวางแผนการเลี้ยงเพื่อให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดทุกเดือน เฉลี่ยเดือนละ 7–10 ตัน/เดือน ผลผลิตรวมจะอยู่ที่ปีละ 89.3 หรือปีละ 89,300 กิโลกรัม
เกษตรกรจะจำหน่ายปลากดคังเฉลี่ยกระชังละ 1,567 กิโลกรัม ขายปลีกให้กับร้านอาหารรายย่อยในพื้นที่ ราคา กก.ละ 150-165 บาท และขายยกกระชัง ในราคา กก.ละ 120-140 บาท โดยผลผลิตส่วนใหญ่ ร้อยละ 80 จำหน่ายให้พ่อค้าคนกลางในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง อีกร้อยละ 20 ส่งจำหน่ายให้ร้านอาหารรายย่อย
...
จากผลสำเร็จของกลุ่มแปลงใหญ่ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพของเนื้อปลาให้ได้มาตรฐาน ตรงกับความต้องการของตลาด และมีการวางแผนการผลิตอย่างเป็นระบบ ในอนาคตกลุ่มแปลงใหญ่วางแผนจะเพิ่มปริมาณการผลิตให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 12 ตัน และพัฒนาให้เป็นแหล่งผลิตปลากดคังแบบครบวงจรที่สำคัญของจังหวัด ให้สามารถผลิตและจำหน่ายทั้งลูกปลาและเนื้อปลา ตลอดจนการสร้างเครือข่ายเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งผลิตปลาคุณภาพที่มีความหลากหลาย...สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณสันติ สุพล ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ฯ โทร. 08-3248-2268.
ชาติชาย ศิริพัฒน์
คลิกอ่าน "ข่าวเกษตร" เพิ่มเติม