คดีส่อพลิก ด.ญ.วัย 13 ปี สารภาพกุเรื่องคนขับรถตู้โดยสารวางยาข่มขืน หลังตำรวจเค้นสอบเจอถูกล่วงละเมิดจริงคาดเป็นฝีมือคนใกล้ชิด ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น เตรียมแถลงรายละเอียด ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ขณะที่หนึ่งในผู้โดยสารเปิดพิรุธเหยื่อไม่ได้ลงรถเป็นคนสุดท้าย คนขับใช้เส้นทางปกติถึงบ้านตอนสายสวนทางญาติกล่าวอ้าง “สุริยะ” สั่งขนส่งลงดาบรถตู้โจรป้องกันก่อเหตุซ้ำ

ตำรวจระดมกำลังคลี่คลายคดี ด.ญ.งาม (นาม สมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 อ้างถูกโชเฟอร์รถตู้มอมยาข่มขืนจนเสียสติ เข้ารับการรักษาที่ รพ.ขอนแก่น ส่วนนายเดช นันทวิทยาคม อายุ 49 ปี โชเฟอร์รถตู้ เข้าพบเจ้าพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและให้การปฏิเสธ ขณะที่ย่าของผู้เสียหาย เป็นผู้ให้ข้อมูลและเดินหน้าแจ้งความเพื่อเอาผิด แต่คดีอาจส่อพลิกเมื่อผู้เสียหายรับสารภาพกุเรื่องดังกล่าว

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 9 พ.ย. พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า สั่งการให้ พ.ต.อ.คเชนท์ ยืนยงค์ รอง ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น พร้อมทีมสหวิชาชีพ เข้าสอบปากคำผู้เสียหาย นอนพักรักษาตัวที่ รพ.ขอนแก่น หลังจากที่เข้ารับการรักษาและอาการดีขึ้นตามลำดับ โดยมีผู้ปกครองอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่สอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ผู้เสียหายระบุได้กุเรื่องขึ้นมา เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น จะแถลงต่อสื่อมวลชน ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น วันที่ 10 พ.ย.นี้ เวลา 13.00 น.

รายงานข่าวแจ้งว่า เด็กหญิงวัย 13 ปี ไม่เคยออกมาระบุว่าคนขับรถตู้เป็นผู้กระทำล่วงละเมิด แต่เป็นการให้ข้อมูลของครอบครัวเด็กหญิงคนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าเด็กหญิงถูกล่วงละเมิดจริง เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวน โดยเบื้องต้น คนบนรถตู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง คาดว่าน่าจะเป็นคนใกล้ชิด เป็นผู้กระทำ

...

พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวคืบหน้าไปมากแต่เป็นข้อมูลไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนการสอบปากคำผู้โดยสารครบหมดแล้วทุกคนยืนยันว่าไม่พบความผิดปกติใดๆ ขอยืนยันตำรวจจะทำงานอย่างรอบคอบและชัดเจน เพื่อคลายข้อข้องใจของญาติผู้เสียหาย ตนจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต้องว่ากันด้วยหลักฐาน ส่วนอาการ ด.ญ.งาม จากรายงานของแพทย์ทราบว่าอาการดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถาม ยายรวย (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ชาว จ.ขอนแก่น หนึ่งในผู้โดยสารนั่งรถตู้คันเดียวกับ ด.ญ.งาม วันเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้ลงรถตู้คนสุดท้ายวันเกิดเหตุโชเฟอร์ส่งผู้โดยสารคนแรก จากนั้นขับไปส่ง ด.ญ.งามบริเวณหน้าบ้าน เวลา 09.30 น. โดยมีพ่อแม่ของเด็กออกมารับและ ถามว่าลืมของบนรถหรือไม่ ระหว่างทางมีการซ่อมถนนจริงแต่โชเฟอร์ขับตามเส้นทางปกติ ยืนยันว่าผู้เสียหายไม่ได้ลงรถตู้เป็นคนสุดท้าย และไม่ได้ถึงบ้านตอนเที่ยงตามที่ญาติผู้เสียหายกล่าวอ้าง

ขณะที่นายเอ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี พ่อน้องงาม เปิดเผยว่า ทราบเรื่องที่แพทย์ รพ.ขอนแก่น จะส่งตัวลูกสาวไปรักษาต่อกับแพทย์เฉพาะทางที่ รพ.ศรีนครินทร์ เป็นเรื่องดีขณะนี้อาการลูกสาวดีขึ้นมาก แต่ไม่กล้าถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนลูกชายอาการดีขึ้นเช่นกัน จากการสอบถามย่าทราบว่าลูกชายเปิดเทอมไปเรียนหนังสือตามปกติ พอกลับมาบ้านเกิดอาการเสียสติส่งไป รพ.แวงน้อย แพทย์ตรวจพบสารแอมเฟตามีน อยากให้ตำรวจสืบหาที่มาของสารดังกล่าว เพราะลูกชายไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อยากรู้ลูกชายรับสารดังกล่าวมาได้อย่างไร

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า สั่งการกรมการขนส่งทางบก เร่งรัดตรวจสอบผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ จากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวเด็กหญิง อายุ 13 ปี โดยสารรถตู้จาก อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ไปยังกรุงเทพฯ ระหว่างทางถูกคนขับรถตู้ข่มขืน หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกระทำผิดจริง สั่งให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามกฎหมายทันที ตนมีความห่วงใยในเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น พร้อมเร่งดำเนินการ ตรวจสอบเข้มงวดต่อผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ทั้งหมดให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่