ชาวบ้านสมาชิกพันธุ์ไม้และร้านค้าตลาดกลางสินค้าเกษตรขอนแก่น ขอความเป็นธรรม หลังถูก ธ.ก.ส.ซึ่งเป็นคนเชิญให้มาอยู่ พร้อมปล่อยสินเชื่อค้าขายตั้งแต่ปี 40 ดุจครอบครัวเดียวกัน ร่อนหนังสือขับไล่ ตัดน้ำตัดไฟอย่างไม่เป็นธรรม ร้องขอเวลา 15 เดือน เพื่อขนย้ายทรัพย์สินต้นไม้ออกนอกพื้นที่ก็ไม่ยอม เจ้าของร้านค้ายังได้พาผู้สื่อข่าวดูจุดที่มีหนังสือให้รื้อถอน โดยเป็นลักษณะพื้นที่รูปตัว L ติดริมถนนมิตรภาพ ซึ่งมีการปรับปรุงพื้นที่รอบๆ โดยทาง ธ.ก.ส.ได้แจ้งกับชาวบ้านว่า กรมธนารักษ์ไม่ต่อสัญญาให้เพราะ ธ.ก.ส.ทำผิดสัญญา และจะมีการสร้างเป็นตลาดการเกษตร ชาวบ้านจึงตั้งข้อสงสัยว่า หากผิดสัญญาทำไมจึงยังมีการก่อสร้างต่อ และหากสร้างตลาดการเกษตร ทำไมจึงไม่ให้ผู้ค้ารายเดิมได้มีสิทธิ์ขาย ทั้งที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.โดยตรงด้วย และแต่ละคนก็ผ่อนชำระหนี้ ธ.ก.ส.อยู่ทุกเดือน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 22 กันยายน 2566 ที่โซนจำหน่ายพันธุ์ไม้และสินค้า ตั้งอยู่ในพื้นที่ตลาดกลางสินค้าเกษตรขอนแก่น ถ.มิตรภาพ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น นำโดย นางธราทิพย์ ลิมปิพัฒน์ อายุ 52 ปี เปิดร้านขายอาหารมาตั้งแต่ปี 52 อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.11 ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมชาวบ้านร่วม 30 คน ซึ่งมีร้านค้าอยู่ภายในจุดจำหน่ายพันธุ์ไม้และสินค้าตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่ปี 40 นำหนังสือร้องขอความเห็นใจ จากทาง ธ.ก.ส. และกรมธนารักษ์ มาเปิดเผยกับสื่อมวลชน ภายหลังเข้าร้องทุกข์กับทาง นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เมื่อวานที่ผ่านมา (21 ก.ย. 2566) และเป็นหนังสือข้อความเดียวกันกับที่เคยส่งให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งที่เดินทางมาลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 8 ส.ค.66 เพื่อให้มีการพิจารณาให้มีการผ่อนผันชะลอการรื้อถอนร้านค้า ของทาง ธ.ก.ส. และกรมธนารักษ์ โดยขอให้ธนาคารดำเนินการต่อน้ำและไฟฟ้ากลับมาเหมือนเดิม ขอผ่อนผันระยะเวลาการรื้อถอนร้านค้า 15 เดือน และจัดหาสถานที่ที่เหมาะสมให้กับชาวบ้านทุกคนได้ค้าขาย
...
นางธราทิพย์ เปิดเผยว่า พ่อค้าแม่ค้าผู้จำหน่ายพันธุ์ไม้และสินค้า ตั้งอยู่ในพื้นที่ตลาดกลางสินค้าเกษตรขอนแก่น ถ.มิตรภาพ จำนวน 41 ราย ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2566 ที่ผ่านมา ถูกตัดน้ำตัดไฟ ไม่สามารถให้บริการได้ โดยก่อนที่จะมีการตัดไฟฟ้าและน้ำนั้น ทาง ธ.ก.ส.มีหนังสือมาถึงชาวบ้าน เมื่อ 25 ส.ค.66 ระบุว่า ให้ผู้ใช้พื้นที่ทุกร้านขนย้ายทรัพย์สินและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ พร้อมส่งมอบพื้นที่คืนในสภาพเรียบร้อยตามเดิม ภายในระยะเวลาที่กำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว ซึ่งจะครบกำหนดรายสุดท้ายในวันที่ 29 สิงหาคม 2566 โดย ธ.ก.ส.จะงดจ่ายไฟฟ้าและน้ำประปา และก็ตัดจริง บรรดาพ่อค้าแม่ค้าตั้งตัวไม่ทัน เกิดความเดือดร้อน ทั้งสินค้า พันธุ์ไม้ และอุปกรณ์ขายของที่ร้านที่ต้องใช้ไฟฟ้าก็ไม่สามารถใช้ได้ น้ำประปาก็ถูกตัดไม่มีน้ำใช้ในรดน้ำต้นไม้ ทำให้ต้นไม้ใบเหลืองทยอยแห้งตาย บางคนที่พอมีกำลังทรัพย์ก็ใช้แบตเตอรี่ปั่นไฟมาใช้ชั่วคราว เพื่อหาสถานที่รองรับสินค้า
“ตนและทุกคนที่มีร้านค้าอยู่ในพื้นที่จำหน่ายของ ธ.ก.ส. จึงร่วมลงชื่อทำหนังสือขอผ่อนผันชะลอการรื้อถอนออกไปเป็นระยะเวลา 15 เดือน โดยแบ่งเป็นช่วงระบายสินค้าและหาสถานที่แห่งใหม่ 12 เดือน และอีก 3 เดือน เพื่อเตรียมจัดเก็บสินค้าและทรัพย์สินเพื่อการรื้อถอนออกไป รวม 15 เดือน และในช่วงระยะเวลา 15 เดือน ขอให้ต่อน้ำประปาและไฟฟ้าให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องใช้ในทั้งสองกรณี โดยได้ยื่นหนังสือให้ในวันที่ 28 สิงหาคม 2566 จากนั้นก็มีหนังสือตอบกลับของทาง ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 31 ส.ค.66 ว่า ทาง ธ.ก.ส.ได้ให้เวลาในการดำเนินการมาโดยตลอด โดยได้แจ้งแผนการดำเนินการตามบันทึกการประชุมและตามหนังสือแจ้งให้ขนย้ายทรัพย์สิน และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่พร้อมส่งคืนในสภาพเรียบร้อยตามเดิม อันเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว ธ.ก.ส.จำเป็นต้องดำเนินการตามกระบวนการที่ได้แจ้งให้ทราบ โดยจะดำเนินการงดจ่ายไฟฟ้าและน้ำประปา ในวันที่ 4 กันยายน 2566 และดำเนินกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
ซึ่งในหนังสือดังกล่าวได้อ้างอิงถึงหนังสือของ ธ.ก.ส.ได้แจ้งให้ทางเจ้าของร้านทั้ง 41 ราย ให้ขนย้ายทรัพย์สิน และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ พร้อมส่งมอบพื้นที่คืนสภาพเรียบร้อยตามเดิม”
...
นางธราทิพย์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากเคลื่อนย้ายรื้อถอนไม่ทัน เพราะต้องใช้เงินในการรื้อถอน และเพื่อหาทำเลใหม่ ซึ่งการหาทำเลก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ต้องใช้เวลา เพราะหากได้ทำเลไม่ดีเหมือนที่เคยค้าขายมาทั้งชีวิต ก็เหมือนต้องกลับไปเริ่มต้นจากศูนย์อีกครั้ง หากทาง ธ.ก.ส.ยอมทำตามข้อเสนอ ก็เชื่อว่าทุกคนจะสามารถขนย้ายทรัพย์ทั้งหมด และมีเงินที่จะรื้อถอนให้กลับมาเป็นสภาพเดิม รวมทั้งหาทำเลขายของใหม่ได้ทัน
ทางด้าน นางหอมไกร ฮงทอง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191/188 หมู่บ้านเดชา ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น แม่ค้าพันธุ์ไม้รุ่นแรกที่ ธ.ก.ส. กล่าวว่า เดิมทีขายอยู่ในตลาดต้นไม้ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตั้งแต่ปี 36 กระทั่งปี 39 ธ.ก.ส.มีใบปลิวมาเชิญชวนขายอยู่ที่ ธ.ก.ส. โดยตนเองกับเจ้าของร้านขายพันธุ์ไม้คนอื่นรวม 12 ร้าน ตกลงมาตั้งร้านขายที่นี่ และเริ่มขายตอนปี 40 โดยมาทราบทีหลังว่าเพื่อเป็นแนวป้องกันฝุ่นละอองจากข้าวเปลือก เนื่องจากพื้นที่ใกล้เคียงเป็นโรงพยาบาลและเขตที่พักอาศัย ศูนย์การค้า ธนาคาร จึงต้องหาทางป้องกันการร้องเรียนจากผู้อาศัยข้างเคียง โดยธนาคารได้มีการเชิญผู้ขายพันธุ์ไม้และเรียกเก็บค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า และค่าธรรมเนียมอื่นๆ จากสมาชิกพันธุ์ไม้และร้านค้า ซึ่งคนที่ค้าขายในจุดดังกล่าว จาก 12 ร้าน ก็เพิ่มเป็น 41 ราย ทุกรายปฏิบัติตามข้อเสนอของ ธ.ก.ส.มาตลอดจนถึงมีการขับไล่ดังกล่าว
...
“ก่อนถูกขับไล่ มีกรมธนารักษ์ซึ่งมาแสดงตัวเป็นเจ้าของพื้นที่ มาพบร้านค้าทุกร้าน โดยแจ้งว่าสมาชิกชมรมพันธุ์ไม้และร้านค้าทั้ง 41 ราย ทำไม่ถูกต้องตามสัญญา เนื่องจากพื้นที่จุดที่ขายต้นไม้แห่งนี้ ธ.ก.ส.เช่าจากกรมธนารักษ์ และกรมธนารักษ์แจ้งให้ ธ.ก.ส.รื้อถอนร้านค้าออกไป และต้องชำระหนี้ให้ ธ.ก.ส. ซึ่งหนี้สินดังกล่าวนั้น ทุกคนต่างกู้สินเชื่อกับ ธ.ก.ส.ที่มาค้าขาย และทุกคนก็ชำระหนี้จ่ายดอกเบี้ยตามปกติไม่เคยมีปัญหา เปรียบเสมือนทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันกับ ธ.ก.ส. มีกิจกรรมทุกอย่าง พวกเราทุกคนไปช่วยงาน ร่วมกิจกรรม รักษาน้ำใจ ธ.ก.ส.มาตลอด พยายามไม่ให้เป็นข่าวโด่งดัง แต่สิ่งที่ ธ.ก.ส.ทำกับคนค้าขายอาชีพสุตจริต ทั้ง 41 รายไม่มีความยุติธรรมเลย และเรื่องดังกล่าวมีการนัดพูดคุยต่อหน้าผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 27 กันยายน 2566 นี้อีกครั้ง