อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ เพราะเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำตาลทรายที่ตลาดโลกต้องการ ในขณะเดียวกันยังเป็นพืชพลังงานที่สามารถนำมาผลิตเป็นเอทานอล รวมทั้งชานอ้อยที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตน้ำตาลและผลิตพลังงานไฟฟ้า

ที่สำคัญอ้อยเป็นพืชที่มีศักยภาพและมีความยั่งยืนในการนำมาเป็นพืชพลังงานทดแทน เพราะผลผลิตอ้อยทุกส่วนสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ ทั้งพลังงานไฟฟ้าชีวมวล และเชื้อเพลิง

ทั้งที่ประเทศไทยปลูกอ้อยมานาน แต่ที่ผ่านมายังไม่มีพันธุ์อ้อยที่มีศักยภาพในการผลิตพลังงานโดยตรง

“เนื่องจากที่ผ่านมาการพัฒนาพันธุ์อ้อยเน้นอ้อยที่มีความหวานสูงเป็นหลัก ศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่น สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน กรมวิชาการเกษตร ร่วมกับศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์การเกษตรนานาชาติแห่งประเทศญี่ปุ่น จึงได้วิจัยปรับปรุงพันธุ์อ้อยเพื่อให้ได้พันธุ์อ้อยที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย และผลจากการวิจัยปรับปรุงพันธุ์มาตั้งแต่ปี 2540-2565 ทำให้เราได้อ้อยพันธุ์ใหม่ กวก. ขอนแก่น 4”

...

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร บอกถึงที่มาของอ้อยพันธุ์ใหม่...เป็นพันธุ์ลูกผสมข้ามชนิดระหว่างอ้อยและอ้อยป่า (Saccharum spotaneum) เป็นการผสมพันธุ์ระหว่างอ้อยพันธุ์แม่ 94-2-128 ที่มีผลผลิตและความหวานสูง และอ้อยพันธุ์พ่อ 03-4-331 ที่มีผลผลิตสูง และปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้กว้าง

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของอ้อยพันธุ์ กวก.ขอนแก่น 4 ทรงกอค่อนข้างตั้งตรง ปล้องเรียงตัวค่อนข้างตรง ปล้องทรงกระบอก ใบกว้างปานกลางและไม่มีขนที่กาบใบ ลักษณะเด่น ให้ผลผลิตอ้อยไร่ละ 11.71 ตัน ให้ผลผลิตชานอ้อยเฉลี่ยไร่ละ 1.96 ตัน และมีปริมาณเยื่อใยเฉลี่ยร้อยละ 17.12 ให้ผลผลิตเป็นกากน้ำตาลไร่ละ 523 กิโลกรัม สูงกว่าพันธุ์ขอนแก่น 3 และ K88-92

ที่สำคัญให้พลังงานไฟฟ้าไร่ละ 596 กิโลวัตต์ และพลังงานแก๊สชีวภาพไร่ละ 496 ลูกบาศก์เมตรต่อปี สูงกว่าพันธุ์ขอนแก่น 3

ปัจจุบันศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่นได้ขยายอ้อยโคลนพันธุ์ กวก.ขอนแก่น 4 พื้นที่จำนวน 2 ไร่ สามารถปลูกขยายได้ 15 ไร่ โดยเกษตรกรจะมีรายได้จากการปลูกอ้อยพันธุ์ กวก. ขอนแก่น 4 (อ้อยปลูก อ้อยตอ 1 และอ้อยตอ 2) เป็นเงินจำนวนไร่ละ 44,164 บาท สูงกว่าพันธุ์ขอนแก่น 3 และ K88-92

นอกจากนั้น อ้อยพันธุ์ กวก.ขอนแก่น 4 ได้ผ่านการรับรองพันธุ์ประเภทพันธุ์แนะนำไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2566 จึงเป็นพืชทางเลือกเพื่อสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นให้แก่เกษตรกร สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่น โทร.0-4320-3506 และ 0-4320-3508.

ชาติชาย ศิริพัฒน์