ป้าวัย 69 ชาวบุรีรัมย์ อดีตภรรยา รปภ.มีชื่อปรากฏถือหุ้น "แสนสิริ" ตามที่ "ชูวิทย์" ออกมาแฉ ถึงกับปล่อยโฮ เผยถ้าอดีตสามีรวยจริง มีเงินซื้อที่นับพันล้านบาท เห็นข่าวนี้ให้ส่งเงินกลับมาใช้หนี้ที่ก่อไว้นับแสนบาท ตัดพ้อปัจจุบันชีวิตลำบากมาก-รับใช้หนี้คนเดียวมา 17 ปีแล้ว

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉบริษัทแสนสิริ เอารายชื่อ รปภ.หรือแม่บ้านมาถือหุ้นและกู้เงินนับพันล้านบาท พร้อมเปิดเผยรายชื่อคนถือหุ้น ซึ่งทางแสนสิริได้ออกมาชี้แจงว่า นายชูวิทย์ บิดเบือนข้อมูล และบุคคลตามที่กล่าวอ้างไม่ใช่นอมินี แต่เป็นบุคคลของบริษัทอื่นซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน และแสนสิริซื้อและโอนที่ดินแปลงนี้โดยตรงจากบริษัทนี้ ไม่ใช่การซื้อผ่านตัวกลางหรือรับโอนหุ้นตามที่เป็นข่าว

โดยหนึ่งในนั้นมีรายชื่อ นายพีระพงษ์ ทานรัมย์ ชาวบ้าน ต.หนองใหญ่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่า นายพีระพงษ์ เป็นคนในหมู่บ้านดังกล่าวจริง แต่ได้ย้ายออกไปนานแล้ว และจากการสอบถาม นายอาจหาญ สายวัน อายุ 58 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้าน เล่าว่า นายพีระพงษ์ เป็นคนในหมู่บ้าน และได้ออกจากหมู่บ้านไปทำงานที่ กทม. หลังเลิกรากับภรรยา เท่าที่ทราบไปทำงานเป็น รปภ.อยู่ย่านประตูน้ำ ไม่เคยกลับบ้านและไม่เคยติดต่อกลับมานานกว่า 17 ปีแล้ว มีเพียงชาวบ้านที่ไปเจอเป็น รปภ.ที่ กทม. แล้วเอามาเล่าต่อกันให้ฟังเท่านั้น

...

ส่วนกรณีที่ นายพีระพงษ์ ไปมีชื่อเป็นคนถือหุ้นอยู่ในบริษัทใหญ่นั้น ส่วนตัวตนไม่ตกใจเลย เป็นเรื่องธรรมดามากกว่า เพราะคนในหมู่บ้านหลายคนซึ่งบางคนอาศัยอยู่กระท่อม ยังได้เป็นเจ้าของบริษัท เพราะนายจ้างเอาชื่อไปใส่ไว้" นายอาจหาญ กล่าว 

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นางนูน ทานรัมย์ อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของ นายพีระพงษ์ และสอบถามว่า อดีตสามีมีชื่อถือหุ้นอยู่บริษัทใหญ่ ซื้อที่ดินครั้งละ 1 พันล้านบาท นางนูน ยืนนิ่งอยู่สักพักและเล่าทั้งน้ำตาว่า นายพีระพงษ์ เคยเป็นสามีตนเมื่อ 17 ปีก่อน จากนั้นไปมีภรรยาใหม่แล้วหนีออกจากบ้านไป ไม่เคยย้อนกลับมาอีกเลย และไม่เคยเจอหน้ากันตั้งแต่ตอนนั้น ส่วนสาเหตุที่ตนร้องไห้ออกมานั้น ไม่ใช่เพราะคิดถึงหรืออาลัยแต่อย่างใด แต่ด้วยความเจ็บช้ำมากกว่า เพราะก่อนเลิกรากันอดีตสามีไปกู้เงินมาจาก ธ.ก.ส. กู้เงินกองทุนหมู่บ้าน และยืมเงินมาจากชาวบ้าน รวมแล้วกว่า 1 แสนบาท ทิ้งไว้ให้ตนหาใช้หนี้คนเดียวช่วง 17 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งตนหาใช้หนี้ได้เพียง 5 หมื่นบาทเท่านั้น

"ถ้าอดีตสามีถือหุ้นบริษัทใหญ่ มีเงินซื้อที่นับพันล้านบาทจริง ตนไม่ได้ขออะไรมากมาย ขอให้ส่งเงินมาใช้หนี้ที่ก่อเอาไว้ก็พอ ทุกวันนี้ตนอยู่ด้วยความลำบาก ต้องหาเลี้ยงแม่วัย 90 ปี ที่บ้านไม่มีแม้เตาแก๊สทำอาหาร ปัจจุบันต้องใช้ฟืนก่อไฟทำอาหาร" นางนูน กล่าว