“ดาวดิน เบียร์” เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ได้รับอานิสงส์จากการออกมาพูดถึงการผลักดันนโยบายสุราก้าวหน้าของ “ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 30 ของไทย ส่งผลทำให้ยอดขายดีขึ้นกว่าสามเท่าตัว ผู้ผลิตฯ ชี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กได้โชว์ฝีมือและสร้างเครือข่าย วอนรัฐช่วยเหลือ ส่งเสริมการผลิตที่ถูกต้อง แทนการออกกฎหมายจำกัด

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ร้าน “PEOPLE BREWERY” เลขที่ 226/111 ถ.หลังศูนย์ราชการ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายนิติกร ค้ำชู หรือ “ตอง ดาวดิน” หรือ “ตอง โรงต้ม” ผู้ผลิตเครื่องดื่มดาวดิน เบียร์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ถึงกระแสที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 30 ของไทย ได้พูดถึงประเด็น “สุราก้าวหน้า” ว่านับเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการตัวเล็กตัวน้อย แบรนด์ที่ไม่เคยถูกพูดถึงก็พยายามส่งเสริมและบอกต่อกันไปเป็นเครือข่าย ทำให้สุราชุมชนเกิดการซื้อขายจนหมดโรงงานผลิตตามที่เป็นข่าว 

ขณะที่เบียร์ดาวดินเอง แม้จะไม่ได้ถูกพูดถึงเท่าไรนัก แต่ก็มีผลดีมาถึง นั่นคือมีคนสนใจติดต่อสอบถามเข้ามาเยอะมาก มากกว่าในช่วงปกติ 2-3 เท่า และส่งผลทำให้ทุกแบรนด์ ไม่ว่าสุราหรือเบียร์ ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น 

“การที่ คุณพิธา ออกมาพูดตอนนี้เป็นเรื่องที่ดีในแง่ของการกระตุ้นส่งเสริมสุราท้องถิ่น ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นการคานกับกระแสที่มีรายงานว่า คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กำลังจะออก พ.ร.บ.ตัวใหม่ออกมา สาระสำคัญคือการห้ามบริโภคและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังเที่ยงคืน หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับทั้งผู้บริโภคและผู้จำหน่าย ซึ่งก็ดีว่าเราได้เห็นการต่อสู้กันของ 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายที่กำลังหาวิธีการควบคุม และฝ่ายที่ต้องการส่งเสริมสนับสนุนสุราไทย ที่หลายคนมองว่าเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ได้ขึ้นมากระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้ และช่วยในเรื่องการท่องเที่ยว อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรเรื่องผลผลิตทางการเกษตร ที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสุรา ก็จะเกิดการเติบโตตามไปด้วย เป็นการส่งเสริมให้เกิดผู้ผลิตหน้าใหม่ๆ ที่ไม่ใช่เพียงคนไม่กี่คนเช่นทุกวันนี้

...

สูตรของเบียร์ดาวดิน เราได้รับคำปรึกษาจากพี่ที่เป็นคนขอนแก่น ที่เคยไปศึกษาการผลิตเบียร์มาก่อน ก็ปรึกษากันว่าเราอยากได้เบียร์ที่มันคาแรกเตอร์ที่เข้ากับความเป็นดาวดิน คือ เข้มๆ ดำๆ กระทั่งได้สูตรเบียร์ที่เราทำออกมาขายในปัจจุบัน เรียกว่า เบียร์สไตล์ดาวดินพอตเตอร์ ก็คือเป็นเบียร์ดำที่มีความแตกต่างจากเบียร์ดำชนิดทั่วไปที่มีขายในท้องตลาดที่เป็นเบียร์ดำแบบสเตาต์ ที่จะใส่ช็อกโกแลตหรือโกโก้ลงไปในเบียร์ ทำให้เบียร์มีความหนืด ซึ่งทั้ง 2 แบบจะแตกต่างกันในเรื่องของวัตถุดิบที่ใส่ลงไปในเบียร์ 

แต่ของเราจะไม่ใส่ช็อกโกแลตหรือโกโก้ลงไป เราใช้สีและกลิ่นที่มาจากมอลต์คั่ว หรือข้าวบาร์เลย์ โดยเอาไปแช่น้ำให้ข้าวงอกขึ้นมาจากเมล็ดนิดหน่อย ซึ่งข้าวลักษณะนี้ทางอีสานเรียกว่า ข้างฮาง จนกลายมาเป็นเบียร์ดาวดิน สไตล์พอตเตอร์ เป็นเบียร์สีดำอมน้ำตาล ดื่มแล้วจะสัมผัสถึงรสชาติหวานนิดๆ ขมน้อย มีกลิ่นคล้ายกาแฟและรสชาติคาราเมลจากบาร์เลย์คั่ว ผสมความนุ่มนวลของช็อกโกแลต เมื่อเปิดฝาออกจะได้สัมผัสถึงกลิ่นไอของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของกลุ่มดาวดิน ทั้งหวาน ขม ผสมผสานอย่างลงตัว ขนาดความจุ 330 มิลลิลิตร ขวดละ 150 บาท โดย 1 ลัง มี 24 ขวด”

นายนิติกร ยังกล่าวถึงที่มาของการผลิตเบียร์ ในชื่อ “ดาวดิน เบียร์” ว่า มีจุดเริ่มต้นมาจากความชื่นชอบในการดื่มเบียร์ของตนเองและเพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มดาวดิน ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวและนักกิจกรรมทางสังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม ซึ่งถ้าหากใครที่รู้จักหรือคลุกคลีกับกลุ่มดาวดิน จะรู้ว่าดาวดินเป็นกลุ่มคนที่บริโภคเบียร์เยอะ ซึ่งเบียร์ถือเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ทำให้สมาชิกสามารถใช้เวลาในการพูดคุย ถกเถียง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในประเด็นต่างๆ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า องค์ความรู้ส่วนหนึ่งได้มาจากวงเหล้าเบียร์ ทำให้เริ่มติดใจและชื่นชอบบรรยากาศในวงเบียร์ แต่เราไม่ได้ดื่มเพื่อให้เกิดความสนุก แต่เราดื่มเพื่อการสนทนา แลกเปลี่ยน และพูดคุยให้ความรู้กันและกัน ซึ่งก็จะมีเบียร์เป็นเครื่องมือหรือส่วนหนึ่งในวงสนทนา และการทำกิจกรรมการเคลื่อนไหว เราจึงเกิดคำถามว่า การเคลื่อนไหวของดาวดินดูทรงแล้วน่าจะยาวนาน และหากเราไม่มีฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงที่สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่มีเงินทุนที่จะนำมาสนับสนุนการทำกิจกรรมการเคลื่อนไหวได้ ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวในระยะยาว จึงนำมาสู่การคิดถึงเรื่องของฐานเศรษฐกิจ

“พอคิดได้ว่าเราต้องมีฐานเศรษฐกิจ ก็มานั่งคิดกันกับกลุ่มเพื่อนๆ ว่า เราจะทำอะไรกันดี ก่อนหน้านี้เคยไปทำข้าวออร์แกนิก ทำผักออร์แกนิกก็ไปไม่รอด สุดท้ายมาคิดได้ว่า ไหนๆ เราก็เป็นคร่ำหวอดในวงการดื่มเบียร์มาขนาดนี้แล้ว ทำไมเราไม่ลองทำเบียร์ดู ซึ่งตอนที่คิดกันในเวลานั้น กระแสของการทำเบียร์เองยังไม่ได้รับความนิยมมากขนาดนี้ และตอนนั้นมีกรณีที่ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ซึ่งปัจจุบันเป็น ส.ส.พรรคก้าวไกล ถูกตำรวจจับในตอนนั้น เราก็คิดว่ามันสามารถทำได้ด้วยเหรอ จึงเริ่มช่วยกันค้นคว้าหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต กระทั่งพบว่ามีคนที่ผลิตเบียร์ด้วยตนเองได้ในประเทศไทยแล้ว จึงศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม จนกระทั่งได้มาทดลองต้มด้วยตนเองเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2563 

โดยหาสูตรจากอินเทอร์เน็ต วัตถุดิบก็สั่งจากอินเทอร์เน็ต แล้วก็มาลองต้มกันดู ก็พบว่ามันเป็นเบียร์ได้ ก็คิดต่อไปอีกว่า ถ้าเราจะต่อยอดให้มันเป็นธุรกิจ มันก็น่าจะเป็นไปได้ และจากการศึกษาข้อมูลในตอนนั้นพบว่า หากเราจะผลิตเบียร์ในประเทศไทยแล้วทำธุรกิจขายที่ประเทศไทย ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน เพราะเงื่อนไขทางข้อกฎหมายเต็มไปหมด เช่น ขั้นต่ำของจำนวนการผลิตที่มีเรตที่ค่อนข้างสูง ซึ่งจะต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก เราจึงเลือกใช้วิธีการสั่งผลิตที่ประเทศเวียดนาม เริ่มต้นจากการจ้างบริษัทที่เป็นตัวกลางในการไปติดต่อกับโรงงานผลิตที่ประเทศเวียดนาม และเดินเรื่องเกี่ยวกับการนำเอาผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากเวียดนามเข้ามาในประเทศไทย ในกระบวนการผลิตก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ทั้งค่าการผลิตที่เวียดนาม ค่าขนส่งทางเรือ ตู้คอนเทนเนอร์เก็บความเย็น เมื่อมาถึงไทยก็ต้องดำเนินการเรื่องของสรรพากร สรรพสามิตที่ท่าเรือ เมื่อผ่านด่านมาได้ ก็ยังต้องเสียค่าเช่าห้องแช่เย็น เพื่อแช่รักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์อีก เรียกได้ว่า มีค่าใช้จ่ายในทุกกระบวนการ ซึ่งทั้งหมดนี้คือที่มาของการผลิตเบียร์ดาวดิน ที่เกิดจากแนวคิดที่อยากจะมีฐานเศรษฐกิจไว้สนับสนุนการเคลื่อนไหวในระยะยาว และมีอิสระในการเคลื่อนไหวด้วย”

...

ครั้งแรกของการผลิต เริ่มทำจากขนาดต่ำสุด คือ 1,000 ลิตร มีกลุ่มผู้บริโภคที่เล็งว่าจะขายให้ก็คือ พี่น้องนักกิจกรรมด้วยกัน รวมทั้งคนที่ติดตามกลุ่มดาวดิน ซึ่งลอตแรกที่นำเข้ามาในไทย หลังจากที่เพจเฟซบุ๊ก “ประชาชนเบียร์” นำไปโพสต์ ปรากฏว่าไม่ถึง 3 สัปดาห์ สินค้าเราหมดเกลี้ยง จึงได้เร่งสั่งผลิตเป็นรอบที่ 2 โดยสั่งไป 6,000 ลิตร แต่ทางโรงงานที่เวียดนามสามารถผลิตให้ได้เพียง 4,000 ลิตรเท่านั้น เนื่องจากเกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อย ซึ่งหลังจากที่นำมาขาย ตอนนี้เหลือสินค้าอยู่เพียง 1,000 กว่าลิตรเท่านั้น ยิ่งในช่วงนี้ที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย ออกมาพูดถึงนโยบายสุราก้าวหน้า ซึ่งเราจะเห็นตามข่าวว่า สุราท้องถิ่นของจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ขายดีจนหมด ตนเองมองว่า ที่จริงกระแสการบริโภคและจำหน่ายสุราท้องถิ่นมีมาได้สักพักแล้ว เพียงแต่เป็นการรับรู้ในวงแคบๆ เพราะติดปัญหาเรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่มีข้อกฎหมายจำกัดอยู่ ทำให้เราไม่รู้จักว่ามันมีอยู่

นายนิติกร ยังฝากถึงรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนโยบายสุราก้าวหน้า ว่า ประเทศเราอยู่กับเครื่องดื่มสุรา เบียร์ มาโดยตลอด ทั้งในวัฒนธรรมประเพณีที่ผ่านมาในอดีต ไม่ว่าจะเป็นฮีตสิบสอง คองสิบสี่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีสุราและเบียร์เข้ามาเกี่ยวข้องหมด เพียงแค่มันถูกสร้างวิธีคิดขึ้นมาว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เลวร้าย แต่กลายเป็นว่ามีคนที่ได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ไปเพียงไม่กี่กลุ่ม ขณะเดียวกันในสภาพความเป็นจริงของสังคม เราก็เห็นว่าปริมาณหรือจำนวนคนที่ดื่มก็ไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น หากจะทำให้สุราหรือเบียร์เกิดประโยชน์ เกิดการกระจายรายได้ให้กับคน ต้องเริ่มจากการส่งเสริมให้มีผู้ผลิตรายย่อยเพิ่มมากขึ้น เพราะจะไปช่วยส่งเสริมในเรื่องวัตถุดิบในท้องถิ่นด้วย ขณะเดียวกันวัตถุดิบและผลผลิตทางการเกษตรในบ้านเรามีความหลากหลายมาก หากรัฐจะนำไปทำการวิจัยต่อยอดว่า สามารถนำไปทำอะไรต่อได้บ้าง เพื่อให้ได้สินค้าที่มีระดับและคุณภาพจะดีมาก รวมทั้งการแก้ไขเรื่องระบบภาษีที่มีขั้นตอนและความซ้ำซ้อน ให้ทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว.

...

ที่มาภาพบางส่วน : เพจเฟซบุ๊ก ดาวดิน DAODIN BREW