รวบอดีตพระอาจารย์คมและอดีตพระหมอ พระชื่อดังฝ่ายธรรมยุตและน้องสาวพระคม ยักยอกเงินจากวัดป่าธรรมคีรีกว่า 180 ล้านบาท กองปราบฯค้นบ้านน้องสาวพระคมเจอเงิน 51 ล้านบาท และเงินในบัญชีธนาคารอีกกว่า 130 ล้านบาท เชื่อว่าจำนวนเงินจะมากกว่านี้ ขณะที่ รอง ผอ.สำนักพุทธฯเผยรับเรื่องร้องเรียนพระเสพเมถุน และยักยอกเงิน กระทั่งรู้ความผิดปรากฏนำตำรวจจับกุม

ตำรวจรวบอดีตพระชื่อดังร่วมกันยักยอกเงินวัดรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 6 พ.ค.ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ป. นายอินทพร จั่นเอี่ยม รองผอ.รักษาราชการแทน ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายคม คงแก้ว หรืออดีตพระอาจารย์คม อภิวโร ประธานสงฆ์วัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นายวุฒิมา เถาว์หมอ หรืออดีตพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ (หมอ) เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี และ น.ส.จุฑาทิพย์ ภูลบดีวโรชุพันธุ์ อายุ 35 ปี น้องสาวอดีตพระคม ร่วมกันยักยอกเงินวัดกว่า 180 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 64-66/2566 ตามลำดับ ลงวันที่ 6พ.ค.66 ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และรับของโจร ตำรวจรวบตัวนายคมในพื้นที่กรุงเทพฯ นายวุฒิมาจับกุมที่ จ.นครราชสีมา และ น.ส.จุฑาทิพย์จับกุมที่ จ.นนทบุรี

พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน กล่าวว่า สืบเนื่องจากตำรวจ บก.ป. รับการประสานจากเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระอาจารย์คม ประธานฝ่ายสงฆ์ของวัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลังสงสัยว่าร่วมกับพวกทุจริตเงินวัด จัดกำลังตำรวจตรวจสอบภายในวัด กระทั่งพบว่าพระอาจารย์คมเป็นพระผู้ดูแลการใช้จ่ายเงินต่างๆ ของวัด รวมถึงเงินที่ญาติโยมมีจิตศรัทธาร่วมทำบุญร่วมกับพระหมอ เจ้าอาวาส วัดป่าธรรมคีรีนำเงินของวัดไปใช้จ่ายส่วนตัว รวมถึงยังนำเงินสดไปมอบให้ น.ส.จุฑาทิพย์ น้องสาวพระคม เพื่อฝากเข้าบัญชีธนาคารหรือเก็บซ่อนไว้

...

ตรวจสอบเบื้องต้นพบทั้ง 3 คน ร่วมกันยักยอกเงินของวัดไปแล้วกว่า 180 ล้านบาท คาดว่าน่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกอยู่ระหว่างการตรวจสอบ นอกจากนี้ตรวจค้นบ้านของ น.ส.จุฑาทิพย์ อยู่ที่ จ.นนทบุรี พบเงิน 51 ล้านบาท ถูกเก็บไว้ในลังโฟมและกระเป๋าเดินทาง รวมถึงยังพบเงินที่ถูกเก็บไว้ในบัญชีธนาคารอีกกว่า 130 ล้านบาท ตัวเลขยอดเงินกว่า 180ล้านบาท เป็นแค่ยอดที่ตรวจสอบพบเบื้องต้น อาจจะมีมากกว่านี้ แต่คงต้องรอการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง

พล.ต.ต.มนตรีกล่าวต่อว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน อยู่ระหว่างการขยายผลตรวจสอบค้นหาพยานหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม ส่วนจะดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับมาตรา 112 ด้วยหรือไม่นั้น จากหลักฐานที่มีอยู่ พระอาจารย์คมรับว่ายังไม่พบความผิดดังกล่าว ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่านำเงินของวัดออกมาจริง รวมถึงในระหว่างที่ถือสมณเพศนั้นเสพเมถุนภายในกุฏิของวัดอันถือเป็นการอาบัติปาราชิก ตามข้อบัญญัติทางธรรมวินัยอีกส่วนหนึ่ง ผู้ต้องหาสมัครใจที่จะลาสิกขา

ด้านนายอินทพร จั่นเอี่ยม กล่าวว่า สำหรับจุดเริ่มต้นของคดีดังกล่าว เจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธ ศาสนาฯ รับเรื่องร้องเรียนทางลับให้ตรวจสอบพฤติกรรมของอดีตพระทั้ง 2 รูป เกี่ยวกับการประพฤติผิดพระธรรมวินัยเสพเมถุนและเรื่องของการบริหารเงินไม่โปร่งใส นำเงินบริจาคไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัว ภายหลังรับเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ทั้งคู่มีพฤติกรรมส่อไปในทางดังกล่าวจริงแจ้งไปยังคณะปกครองตรวจสอบ ส่วนเรื่องยักยอกเงินวัดนั้นเป็นเรื่องของคดีอาญา ประสานตำรวจบก.ป.ให้ช่วยตรวจสอบจนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน