ป้าติ๋ว พี่สาวคนโต เสี่ยปาน 30 ล้าน กลับจากเยอรมันมาเคลียร์เงินมรดกน้องชาย หลังศาลออกหมายจับ ป้าเก้า พี่สาวอีกคนของเสี่ยปาน ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก ยักยอกเงิน 3 ล้านที่เสี่ยปานยกให้ลูกชาย เชื่อเงินก้อนนี้หมดไปกับการพนันนานแล้ว ด้านคนเช่าร้านขายก๋วยเตี๋ยวบอกเมื่อ 2 วันก่อนยังเห็นป้าเก้าอยู่เลย 

วันที่ 1 เม.ย. 66 ความคืบหน้ากรณี น.ส.เสาวณี ทองวิเศษ อายุ 37 ปี หรือมด อดีตภรรยา นายยงยุทธ แก้วสวนจิก หรือเสี่ยปาน 30 ล้าน ยื่นฟ้อง น.ส.สุธีรา แก้วสวนจิก หรือป้าเก้า อายุ 46 ปี พี่สาวและผู้จัดการมรดกเสี่ยปาน ต่อศาล จ.อุดรธานี ในข้อหายักยอกทรัพย์เงินขายบ้าน 3 ล้าน ของ ด.ช.ชลธี แก้วสวนจิก หรือน้องเกาลัด อายุ 8 ปี ลูกชายเสี่ยปาน และศาลได้ออกหมายจับป้าเก้า แต่ยังไร้เงาและไม่สามารถติดต่อได้

ต่อมา ช่วงสายวันที่ 31 มี.ค. 66 นางกัญทนัน วิลโลมิตเซอร์ หรือป้าติ๋ว อายุ 50 ปี พี่สาวคนโตของเสี่ยปาน ได้เดินทางกลับจากประเทศเยอรมัน เพื่อมาเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยนัดหมายพูดคุยกันที่ สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรมาก โดยเผยถึงนิสัยใจคอน้องสาว และมั่นใจว่าใช้เงินไปหมดแล้ว

ป้าติ๋ว เปิดเผยว่า ยืนยันว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ญาติพี่น้องคนอื่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นด้วยกับน้องสาวคนนี้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่น้องทุกคน รู้ดีว่าน้องสาวคนนี้มีนิสัยเป็นแบบไหน ซึ่งตัวเองก็เคยโดนกระทำมาด้วยโดยตลอด ตั้งแต่เด็กจนโต เป็นคนเสียสละให้กับพี่น้องทั้งหมดมาตลอด เพราะครอบครัวยากจนมาก หลังตัวเองไปอยู่ต่างประเทศ ก็ส่งเงินมาให้กับครอบครัวใช้ รวมไปถึงตัวของเสี่ยปานและน้องสาวอีกคนด้วย ซึ่งตนเป็นหัวเรือหลัก จนกระทั่งเสี่ยปานมาถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท

“เก้า เป็นคนไม่ทำมาหากินอะไร เป็นคนชอบพูดลับหลังไม่กล้าพูดต่อหน้า เป็นคนขี้อิจฉา ไม่ได้สนิทอะไรกันเหมือนพี่น้องคนอื่น ซึ่งหลังจากที่เสี่ยปานถูกรางวัลที่ 1 ก็เตือนน้องชายมาตลอด ว่าให้ระมัดระวังการใช้เงิน แต่น้องชายก็มาอยู่กับเก้าซึ่งหลังจากนั้นมา น้องชายก็เปลี่ยนไป เพราะฟังคำของน้องสาวคนนี้ที่คอยปอกลอก ยังเตือนเสี่ยปานด้วยว่าอย่าเล่นการพนัน อย่าฟังคำคนอื่นและอย่าทิ้งลูกทิ้งเมียตัวเอง แต่เสี่ยปานก็ไม่ฟัง จนกระทั่งมารู้ภายหลังว่า เก้ามาเป็นผู้จัดการมรดกของเสี่ยปาน ก็ตกใจมากพร้อมกับบอกเสี่ยปานว่า อย่าไปฟังอะไรมันมาก แต่เสี่ยปานก็ย้อนกลับมาว่า มึงไม่ต้องมายุ่งมันเรื่องของกู ตัวมึงดีแค่ไหน ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของกู ทำให้ตัวเองไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย”

...

ป้าติ๋ว เปิดเผยอีกว่า ส่วนเรื่องพินัยกรรมที่กำลังมีปัญหานั้น ตนเพิ่งรู้ภายหลัง เพราะลูกชายโทรศัพท์มาบอกว่า เขาขายบ้านหลังนี้ไปแล้ว แต่เขาไม่ยอมใช้หนี้เลย ลูกชายก็ทวงเงินมาตลอด แต่ไม่รับสาย ส่งข้อความไปหาก็ไม่ตอบ พร้อมกับบล็อกเฟซบุ๊กด้วย ก็เลยถามอดีตเมียของเสี่ยปานว่า ได้เงินหรือยัง น้องสะใภ้ก็บอกว่ายังไม่ได้เงินเลย จนกระทั่งมารู้ว่าบ้านหลังนี้ถูกขายไปแล้ว ก็เลยเขียนด่านางสาวสุธีราไป แต่เจ้าตัวก็บล็อกเฟซบุ๊กไป ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่านางสาวสุธีรา หรือป้าเก้า หนีไปอยู่ที่ไหน ส่วนเงิน 3 ล้านบาทคิดว่าคงไม่เหลือแล้ว เงินถูกเล่นการพนันไปหมดแล้ว ตอนนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องของบุญกรรม ถ้าหากเสี่ยปานไม่ถูกหวย 30 ล้าน มันจะมาดูแลมาเลี้ยงดูเสี่ยปานหรือไม่

จากนั้นช่วงบ่ายวันเดียวกัน น.ส.เสาวณี ทองวิเศษ อดีตภรรยาเสี่ยปาน 30 ล้าน พร้อมด้วย น.ส.อุไรภรณ์ เข็มตูม พี่สาว ได้เดินทางไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่ป้าเก้าเคยเปิดร้านและเคยอาศัยอยู่ เพื่อรับประทานอาหาร และสอบถาม น.ส.ดวงดาว สังสีแก้ว อายุ 41 ปี เจ้าร้านก๋วยเตี๋ยว ผู้เช่าพื้นที่ต่อจากป้าเก้า เบื้องต้นทราบว่ามาเปิดร้านได้ประมาณ 15 วัน เช่าเดือนละ 3 พันบาท ไม่มีสัญญาเช่า ป้าเก้าและสามีก็มาที่นี่บ้าง เพราะตัวอาคารอยู่ติดกัน ครอบครัวของป้าเก้ายังพักอาศัยอยู่ ล่าสุดเห็นป้าเก้าเมื่อ 2 วันที่แล้ว ได้คุยกัน และแชตเฟซบุ๊กเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน

น.ส.เสาวณี หรือมด อดีตภรรยาเสี่ยปาน เปิดเผยว่า วันนี้ป้าติ๋วกลับมาพูดคุยเพื่อช่วยเคลียร์ปัญหา แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรมาก ตนพยายามจะติดต่อป้าเก้าให้ได้ และที่มาร้านก๋วยเตี๋ยว ก็เพื่อมาสอบถามที่มาที่ไปในการเช่าพื้นที่ และถามหาเบาะแสป้าเก้า หลังจากนี้จะปรึกษาทนายอีกครั้ง เพื่อขอตรวจสอบที่ดินผืนนี้ว่าเป็นชื่อใคร หากยังเป็นชื่อของเสี่ยปาน ก็ควรจะเป็นกรรมสิทธิ์ของน้องเกาลัด ซึ่งจะได้หาทางรับประโยชน์ให้ลูกชาย รวมถึงตรวจสอบทรัพย์อื่นๆ ด้วย จากการสอบถามทราบว่า ลุงพจ สามีของป้าเก้า ได้มาขนของออกไปจากบ้านข้างร้านก๋วยเตี๋ยว เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ บ้านหนองบ่อ ม.14 ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ที่ระบุว่าเป็นบ้านของ น.ส.สุธีรา แก้วสวนจิก หรือป้าเก้า สภาพโดยรอบมีหญ้าขึ้นรกร้าง คล้ายกับไม่มีคนอยู่อาศัยมาสักระยะ มีการปิดล็อกประตูหน้าต่างไว้รอบด้าน โดยมีนายดำรง มหาโยธี อายุ 68 ปี อสม.หมู่บ้านหนองบ่อ เป็นคนยืนยันและให้ข้อมูล

นายดำรง เปิดเผยว่า บ้านหลังนี้เป็นของเก้า เขาอยู่กับสามี รู้เพียงว่าป้าเก้าไปทำงานหากินอยู่ที่ภูเก็ต ช่วงที่ผ่านมายังเห็นป้าเก้าและสามีอยู่เป็นระยะ เขาจะกลับเข้ามาช่วงเย็นถึงค่ำ เขาจะเข้าๆ ออกๆ และไม่รู้ว่าสามีเขาเป็นใครมาจากไหน จะเห็นทั้งที่บ้านตรงร้านก๋วยเตี๋ยวและบ้านในหมู่บ้านหลังนี้ เมื่อ 2 วันที่แล้ว เก้ามาพร้อมกับชายต่างชาติสูงอายุ เดินทางมาดูบ้านหลังนี้ แต่ไม่ทราบว่ามาโดยสาเหตุอะไร และสามีเขาก็มาด้วย ครอบครัวนี้ไม่ค่อยสุงสิงกับชาวบ้าน ไม่ค่อยมีใครเข้าไปพุดคุยด้วย และถ้าจำไม่ผิดเมื่อวานนี้ก็ยังเห็นเก้าอยู่ในหมู่บ้าน แต่ตอนนี้ก็ไม่ทราบว่าเขาไปอยู่ที่ไหน