รมว.เกษตรฯ ไปอุบลราชธานี รณรงค์การถ่ายทอดเทคโนโลยี ลดต้นทุนการผลิตข้าวให้ปฏิบัติได้จริง เน้นการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีและมีมาตรฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และยกระดับคุณภาพผลผลิต

เมื่อวันที่ 9 ก.พ.66 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานรณรงค์การถ่ายทอดเทคโนโลยีลดต้นทุนการผลิตข้าวให้ปฏิบัติได้จริง ภายใต้โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ณ โรงเรียนม่วงสามสิบอัมพวันวิทยา อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี โดยมีนางทรงลักษณ์ วรภัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ต้อนรับ ทั้งนี้จังหวัดอุบลราชธานี เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ทำนามากที่สุดในประเทศไทย คือ 4.1 ล้านไร่ โดยปลูกข้าวหอมมะลิเป็นหลัก ถึง 3.7 ล้านไร่ ข้าวหอมมะลิของจังหวัดอุบลราชธานีเป็นข้าวที่มี คุณภาพสูงจึงทำให้ผู้ส่งออกข้าวหอมมะลิมุ่งมาที่จังหวัดอุบลราชธานีเป็นอันดับแรก

การจัดงานรณรงค์การถ่ายทอดเทคโนโลยีการลดต้นทุนการผลิตข้าวให้ปฏิบัติได้จริงครั้งนี้ กรมการข้าวได้เป็นผู้ดำเนินการจัดงาน ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการรับรู้และความเข้าใจ และเห็นความสำคัญ ของการทำนาใน ฤดูฝน ปี 2566/67 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้ โดยนำ “เทคโนโลยีการลดต้นทุนการ ผลิตข้าวให้ปฏิบัติได้จริง” อันเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะ สนับสนุนองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่จะขับเคลื่อนให้เกิดการลดต้นทุนการผลิตข้าว เพื่อให้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีความเข้มแข็ง มีรายได้ที่มั่นคง และยั่งยืนสืบไป

...

โดยกิจกรรมภายในงาน มีการจัดแสดงนิทรรศการและสาธิตการใช้เทคโนโลยีทางการเกษตรสมัยใหม่เพื่อลดต้นทุนการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว การยกระดับคุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าว การผลิตข้าวคุณภาพดีเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น รวมทั้งนิทรรศการทางการเกษตรอื่น ๆ จากหน่วยงานราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว สินค้าเกษตรอินทรีย์ สินค้าเกษตรปลอดภัย จากกลุ่มเกษตรกรและชุมชนเกษตรต่าง ๆ ในพื้นที่อุบลราชธานี

ซึ่งมีเกษตรกร และประชาชนผู้สนใจในพื้นที่ อ.ม่วงสามสิบ อ.เหล่าเสือโก้ก อ.ดอนมดแดง และอ.ตาลสุม จังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่จากหน่วยราชการในสังกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยราชการส่วนภูมิภาคและหน่วยราชการส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมงาน จำนวน 1,000 คน โดยคาดหวังว่าผู้เข้าร่วมงานจะได้รับทราบและเข้าใจองค์ความรู้ เรื่อง “เทคโนโลยีการลดต้นทุน การผลิตข้าวให้ปฏิบัติได้จริง” และนำไปใช้ในการประกอบอาชีพทำนาได้

จากนั้น รมว.เกษตรฯ ได้เดินทางไปเปิดงานรณรงค์ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการลดต้นทุนการผลิตข้าวให้ปฏิบัติได้จริง ภายใต้โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว กิจกรรมหลักสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ณ ศูนย์แสดงสินค้า OTOP อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเป็นการเสริมสร้างความตระหนักรู้ในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว การลดต้นทุนการผลิตข้าว การเพิ่มผลผลิต และยกระดับคุณภาพ ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวพัฒนาการผลิตข้าวให้มีความรู้ ความเข้าใจ ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีลดต้นทุนการผลิตข้าวที่เหมาะสม เพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มคุณภาพผลผลิตและผลตอบแทนจากการผลิต โดยมีการเชื่อมโยงนโยบายการพัฒนาข้าวลงสู่การปฏิบัติในพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญกับนโยบาย “ลดต้นทุนการผลิต” จึงได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนนโยบายนี้ กรมการข้าวจึงได้มีการสนับสนุนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่จะทำให้เกิดการลดต้นทุนการผลิตข้าวแก่เกษตรกรพี่น้องชาวนาทุกท่าน ให้สามารถนำไปปฏิบัติจริงได้ ก่อให้เกิดความเข้มแข็ง มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังเน้นการเพิ่มผลผลิตข้าว การยกระดับคุณภาพผลผลิตข้าว สนองความต้องการของตลาด และการปรับระบบการผลิตข้าวให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

...

รมว.เกษตรฯ กล่าวอีกว่า ทั้งหมดที่กล่าวมาจะสร้างผลประโยชน์แก่เกษตรกร คือ การได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐมากขึ้น ช่วยให้เกษตรกรเรียนรู้ และวางแผนการทำนาอย่างเป็นระบบตลอดห่วงโซ่อุปทาน ช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยกระดับคุณภาพผลผลิต เกษตรกรมีความรู้เรื่องการตลาดสินค้าเกษตร สามารถผลิตสินค้าได้ตามที่ตลาดต้องการ ซึ่งภาครัฐสามารถช่วยกำหนดตลาดล่วงหน้าได้ และสอดรับกับโลกยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการผลิตที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การผลักดันการแปรรูปสินค้าเกษตรมูลค่าสูง การใช้การตลาดสมัยใหม่ ซึ่งมีโอกาสขยายตลาดไปช่องทางต่างๆ มากขึ้น รวมถึงตลาดต่างประเทศ

...

สำหรับการลดต้นทุนการผลิตข้าวให้ปฏิบัติจริงได้ สิ่งสำคัญ คือ การใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี และมีมาตรฐาน ซึ่งศูนย์ข้าวชุมชนเป็นส่วนสำคัญในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ยังสามารถลดต้นทุนการผลิต เช่น ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งมีราคาแพงในปัจจุบัน โดยทดแทนด้วยการไถกลบตอซังข้าว การปลูกพืชปุ๋ยสดบำรุงดิน การใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ทำให้เกิดความปลอดภัยต่อพี่น้องเกษตรกรเองและผู้บริโภค.