จบด้วยดี ป้าสำราญเงินในบัญชีหายกว่า 1 หมื่น ไม่ติดใจหลังเห็นสเตทเมนต์ธนาคาร ที่ ผจก.สาขายโสธรนำมาให้ดูถึงบ้าน ระบุมีการกดเบิกเงิน 1 หมื่นออกจากบัญชีธนาคารนครหลวงไทยก่อนควบรวมเป็น ทีเอ็มบีธนชาต ด้านเจ้าตัวเผย ยังจำไม่ได้ว่ามีตัวเองมี ATM
จากกรณีนางสำราญ ศักดิ์ศรี อายุ 59 ปี อาชีพทำนา ชาวบ้านคำเม็ก ตำบลทุ่งแต้ อ.เมืองยโสธร ฝากเงินไว้กับธนาคารนครหลวงไทย สาขายโสธร ธนาคารเดิมก่อนมีการควบรวม ผ่านไป 15 ปี ธนาคารได้เปลี่ยนชื่อ จึงถือบัญชีไปเบิกถอนเงินที่เหลืออยู่จำนวน 10,606.73 บาท แต่พนักงานธนาคารแจ้งว่าบัญชีถูกระงับ ไม่พบฐานข้อมูลในระบบ พร้อมทั้งขอเจาะสมุดบัญชี
ต่อมา ธนาคารธนาคารทีเอ็มบีธนชาต ชี้แจงเรื่องนี้ว่า บัญชีมีการทำธุรกรรมเบิกถอนเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2550 ซึ่งรายการดังกล่าวไม่ได้ถูกอัปเดตในสมุดบัญชีเงินฝากตามที่ปรากฏในสื่อ และบัญชีเงินฝากดังกล่าวมีสถานะ "ถูกปิดบัญชี" ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2552 ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นบัญชีภายใต้ธนาคารนครหลวงไทย
...
ล่าสุดวันที่ 2 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนางสำราญ ศักดิ์ศรี อายุ 59 ปี ที่บ้านคำเม็ก ตำบลทุ่งแต้ อ.เมืองยโสธร มีลูกสาวและเพื่อนบ้านร่วมนั่งพูดคุย หลังจากช่วงเช้าได้มีนางสาวกรกนก สิงห์ชู ผู้จัดการธนาคาร ทีทีบีธนชาต สาขายโสธร พร้อมพนักงาน 3 คน นำเอกสารสเตทเมนต์ ของธนาคารนครหลวงไทย มาแสดงให้นางสำราญดู เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบ
นางสำราญ กล่าวว่า วันนี้มีผู้จัดการธนาคารทีทีบีธนชาต สาขายโสธรพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ธนาคารเดินทางมาหาที่บ้าน นำเอกสารสเตทเมนต์การเบิกถอนเงินมาอธิบายให้ฟัง ถามว่า แม่ดีใจไหมที่ได้เห็นสเตทเมนต์ ก็ตอบกลับไปว่าดีใจเพราะได้เห็นหลักฐานแล้ว ซึ่งที่ตนติดใจเนื่องจากที่ไปธนาคารครั้งแรกเจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเลย ส่วนรายละเอียดที่เจ้าหน้าที่ธนาคารเอามาให้ดูพบว่าเป็นการเบิกเงินในวันที่ 28 ธันวาคม 2550 จำนวน 10,000 บาท ผ่านเครื่องเอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งตนพยายามนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นแต่ก็ยังจำไม่ได้ เนื่องจากเป็นเวลาที่นาน ส่วนบัตร ATM ตนก็จำไม่ได้ว่าได้ทำหรือไม่ เพราะหากมีบัตรคงอยู่ในซองเดียวกันกับสมุดบัญชี อย่างไรก็ตาม ก่อนจะกลับเจ้าหน้าที่ธนาคารยังชวนไปเปิดบัญชีพร้อมทั้งให้นามบัตรผู้จัดการสาขามาด้วย ซึ่งตนก็ตอบกลับไปว่าถ้ามีเงินก็จะไปเปิด