ดร.ชูพงษ์ คำจวง นายก อบจ.สกลนคร พร้อมผู้บริหาร นำข้าราชการและลูกจ้างในสังกัดร่วมถือป้ายต้อนรับข้าราชการและลูกจ้างใน รพ.สต.หลังย้ายมาขึ้นตรงกับ อบจ.สกลนคร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ.
การถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ถือเป็นภารกิจสำคัญขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศ หลังจากที่ผ่านมาติดปัญหาต่างๆจนเกิดความล่าช้า
อบจ.สกลนคร เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีความก้าวหน้าในการดำเนินการ ปัจจุบันมีการรับถ่ายโอน รพ.สต.ไปแล้ว 144 แห่ง จากทั้งหมด 168 แห่ง ส่วนที่เหลือคาดว่าภายในปีหน้าจะเสร็จสมบูรณ์ครบ 100%
ดร.ชูพงษ์ คำจวง นายก อบจ.สกลนคร เผยว่า สืบเนื่องจาก พ.ร.บ.กระจายอำนาจ พ.ศ.2542 มีเจตนารมณ์ให้มีการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. ไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ผ่านมามีการถ่ายโอนให้กับ อบต. และเทศบาลเพียง 70 แห่งเท่านั้น
ต่อมาปี 2562 สมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย รับการโอนถ่ายภารกิจ รพ.สต.เข้ามาอยู่ในสังกัด อบจ. นับเป็นจุดเริ่มต้นของการถ่ายโอนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์กว่า 3,400 แห่ง ใน 49 จังหวัดทั่วประเทศ
...
การรับถ่ายโอน รพ.สต.ในครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายของผู้บริหารท้องถิ่นที่จะบริหารด้านสุขภาพขั้นปฐมภูมิของพี่น้องประชาชน
ข้อดีของการโอน รพ.สต.มาอยู่กับท้องถิ่นก็คือประชาชนสามารถเข้าถึงการบริการได้รวดเร็วและง่ายกว่าเดิม เนื่องจากว่าผู้นำองค์กรคือ นายก อบจ.ที่มาจากการเลือกตั้ง
ทำให้การติดต่อประสานงานระหว่าง อบต. เทศบาล หรือกำนันผู้ใหญ่บ้านทำได้รวดเร็ว เพราะมีเครือข่ายที่แน่นแฟ้นกันอยู่แล้ว ชาวบ้านสามารถแจ้งเรื่องราวการบริการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมกับนายก อบจ.ได้โดยตรง
สิ่งสำคัญเวลาเกิดโรคระบาดหรือโรคฉุกเฉิน อบจ.มีงบประมาณกลางของ นายก อบจ.ที่จะสนับสนุนจัดซื้อวัสดุครุภัณฑ์ให้ รพ.สต.ได้ทันที
ต่างจากเมื่อก่อนที่ อบจ.ไม่สามารถจะซื้อให้ได้เลย เว้นแต่จะได้รับการอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมโรคประจำจังหวัด
ภารกิจ รพ.สต.ในวันนี้ไม่ใช่รักษาอย่างเดียว แต่ต้องป้องกันด้วย โดยส่งเสริมการออกกำลังกาย ในชุมชนให้ห่างไกลจากโรค ในส่วนของโรคภัยต่างๆที่เป็นโรคร้ายแรงก็ให้โรงพยาบาลเป็นผู้ดูแล
ปีหน้าจะให้ อบจ.เข้าไปดูแลเรื่องการแพทย์ฉุกเฉิน หรือ 1669 ร่วมกับ อบต. และเทศบาล ในการรับส่งผู้ป่วยในที่ต่างๆ เพื่อให้โรงพยาบาลมีสมาธิในการรักษาคนไข้มากขึ้น ไม่ต้องรับงานหลายหน้าเหมือนเมื่อก่อน
ข้อดีอีกอย่างคือ ผอ.รพ.สต.แต่ละแห่งจะมีอิสระในการตัดสินใจได้เลย เรื่องไหนจำเป็นเร่งด่วนสามารถตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น ขณะที่การพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ อบจ.จะจัดอบรมพัฒนาศักยภาพการทำงานของบุคลากร เป็นการเพิ่มความรู้เฉพาะด้าน หรือความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ
...
ขณะที่ความก้าวหน้าในหน้าที่การทำงานของ ผอ.รพ.สต.หรือเจ้าหน้าที่ก็จะมีมากขึ้น ผอ.อาจจะขยับจากระดับ 7 เป็นระดับ 8 การโยกย้ายสับเปลี่ยนระหว่างจังหวัดก็ทำได้ง่าย ขึ้นตรงกับนายก อบจ. ทำได้รวดเร็วกว่าเดิม
ส่วนที่หลายคนวิตกกังวลว่าการดูแลเรื่องสุขภาพ อบจ.อาจไม่มีความเข้าใจมากพอนั้น ขอยืนยันว่า อบจ.มีที่ปรึกษาเป็นนายแพทย์ที่เกษียณอายุราชการมาช่วย รวมถึงมีการพัฒนาองค์ความรู้ให้เจ้าหน้าที่ตลอด
...
โดยให้ รพ.สต.แต่ละแห่งเอาสมุนไพรมารักษาหรือบำบัดโรคมากขึ้น พร้อมส่งเสริมให้ อสม.ปลูกพืชสมุนไพรแล้วแปรรูปทำการตลาดส่งออกสร้างรายได้ให้กับครอบครัวพี่น้อง อสม.ด้วย
“เราทำงานร่วมกับสาธารณสุขจังหวัดและอำเภออย่างใกล้ชิด แต่จะไม่ไปแข่ง หรือไปทำงานเหมือนกับโรงพยาบาล แต่จะเสริมในส่วนที่โรงพยาบาลไม่มี เช่น ศูนย์ฟอกไตที่จะกระจายลงแต่ละอำเภอ หรือจัดตั้งศูนย์คลังยาสมุนไพร” ดร.ชูพงษ์ กล่าวย้ำ
ความชัดเจนในการโอน รพ.สต.มาให้ อบจ.ดูแล ทำให้ประชาชนได้รับบริการ ด้านสุขภาพอย่างทั่วถึงขึ้น.
วัฒนะ แก้วก่า รายงาน