ส.ส.ก้าวไกล ควง กมธ.แก้ปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกา ลงพื้นที่ อ.ปากช่อง ติดตามการคิดค้นวัคซีนป้องกันโรค ASF ที่ระบาดในหมู หลังพบสาเหตุราคาหมูแพง
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 65 ที่ จ.นครราชสีมา นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ อ.ปากช่อง ร่วมกับกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาปัญหาการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และศึกษาแนวทางช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น
นายนิติพล กล่าวว่า สาเหตุราคาเนื้อหมูแพง เกิดจากเนื้อหมูหายไปจากระบบปริมาณมหาศาล เพราะการปกปิดการระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกาสุกร (ASF) เพื่อเอื้อให้กลุ่มทุนสามารถขายหมูต่อไปได้ แถมยังฟันกำไรอื้อจากการที่เพื่อนบ้านมีการระบาดจนต้องทำลายหมูไปเกือบหมดจึงต้องนำเข้าจากเราในราคาแพงๆ ส่วนในประเทศพอสถานการณ์บานปลายก็เริ่มมีการกักตุนสต๊อกหมูในห้องเย็น ในขณะที่ฟาร์มหมูขนาดกลางและเล็กทยอยเจอปัญหาหมูตาย และเมื่อไม่ประกาศการระบาดก็ไม่สามารถขอรับเงินชดเชยจากการทำลายหมูได้ พอหมูมีน้อย ราคาก็แพงกระฉูดอิ่มกันเปรมรับตรุษจีน หลังจากนั้นจึงค่อยคลายด้วยการปล่อยหมูจากสต๊อกให้ราคาค่อยๆ กลับมาปกติ
"วิธีการแบบนี้เดาไม่ยากประชาชนก็รู้ นักการเมืองก็รู้ผมเคยอภิปรายในที่ประชุมสภามาแล้วหลายครั้ง แต่ทำไมรัฐบาลถึงไม่รู้ แล้วเลือกที่จะบอกว่าประเทศไทยไม่มี ASF จนปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ระบาดเป็นวงกว้างสร้างความลำบากไปทุกหย่อมหญ้าได้แบบนี้ได้ ทั้งที่ ASF เป็นโรคร้ายแรงสำหรับหมู มีการค้นพบโรคนี้มากว่าร้อยปีแล้ว แต่ยังไม่มียารักษาหรือวัคซีนป้องกัน หมายความว่า ถ้าเกิดการระบาดที่ไหน และมีการจำกัดทำลายช้าก็จะลามไปทั่วจนทำลายอุตสาหกรรมหมูทั้งระบบในประเทศนั้น และใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี ให้เชื้อหมดจากพื้นที่จึงจะกลับมาเริ่มธุรกิจได้" นายนิติพล กล่าว
...
นายนิติพล กล่าวต่อว่า ในสถานการณ์ระบาดจึงเป็นสิ่งที่ทุนใหญ่มีโอกาสมากกว่าทุนเล็กเพราะสายป่านยาวกว่า สามารถสร้างระบบฟาร์มปิด หรือสต๊อกเก็บในห้องเย็นได้ แต่ฟาร์มเล็กจะไม่สามารถลงทุนใหม่ภายใต้ความเสี่ยงได้เลย หากไม่มีวัคซีนป้องกัน หากจะให้เปรียบเทียบก็มีความคล้ายโควิดในคนหากยังไม่มีวัคซีน ป่านนี้เราอาจยังไม่กล้ากลับมาใช้ชีวิตปกติ สภาพเศรษฐกิจคงย่ำแย่หนัก และการเสียชีวิตคงสูงกว่านี้ ดังนั้นวัคซีนก็คือความหวังสำคัญในการเปลี่ยนสถานการณ์
"ตัวผมเองก็คาดหวังกับการมีวัคซีน ASF หมูมาก เพราะไม่อย่างนั้นดุลของอุตสาหกรรมหมูทั้งระบบคงไม่พ้นถูกนายทุนฉวยโอกาสไปหมด และจากการลงพื้นที่กับกรรมาธิการมีโอกาสไปเยี่ยมชมการพัฒนาวัคซีนนี้ในประเทศไทย ซึ่งได้เห็นความทุ่มเทของนักวิจัยและทีมงานทุกคนทำงานกันอย่างหนัก แต่ดูเหมือนรัฐบาลไม่ทุ่มเทด้วย ทีมนักวิจัยทำงานอย่างเต็มที่ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน ทั้งข้อกฎหมายต่างๆที่ทำให้การพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคในสัตว์ที่แก้ปัญหาได้ง่ายๆ ด้วยมติคณะรัฐมนตรีก็ไม่ทำ เหมือนไม่อยากให้ไทยผลิตวัคซีนได้เองให้ทันการมหันตภัยโรคระบาดในสัตว์ ผมก็ขอเป็นกำลังใจและหวังให้วัคซีน ASF หมูมีความสำเร็จโดยเร็ว เพื่อให้เราไม่ตกอยู่ในสถานการณ์หมูแพง แต่นายทุนรวยเหมือนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาอีก" นายนิติพล ระบุ