พระบิดา ยังไม่หมดฤทธิ์ ส่งทนายความแจ้งดำเนินคดีผวจ.ชัยภูมิ ที่นำทีมบุกตำหนักฐานบุกรุกเคหสถานและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ด้านสธ.เผยผลตรวจปลาร้าแซ่บหลายและผลิตภัณฑ์อื่น เจอเชื้อรากับเชื้อโรคที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค 

วันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ความคืบหน้ากรณีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยทีมงานหมอปลา และสื่อมวลชนตรวจสอบสำนักประหลาด ในพื้นที่บ้านกุดแคน หมู่ 2 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ หลังมีชาวบ้านร้องเรียน ว่าบริเวณสำนักแห่งนี้มีการกักขังผู้มาปฏิบัติธรรมและรักษาโรคโดยวิธีแปลกประหลาดไม่ถูกสุขลักษณะ จึงเข้าตรวจสอบ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา

จากนั้น วันที่ 13 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ได้นำป้ายประกาศขนาดใหญ่ไปติดตั้งไว้ 3 ป้ายบริเวณปากทางเข้า ระบุ 1.พื้นที่กำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ 2.ป้ายกำหนดพื้นที่หวงห้ามเข้า-ออก 3.ขอให้ออกจากพื้นที่ที่เกิดข้อพิพาท

ต่อมา วันที่ 23 พ.ค. นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุถึงผลการตรวจตัวอย่างอาหาร น้ำ และเครื่องดื่มที่เก็บมาจากอาศรมฤาษีพระบิดาว่า "จากผลการตรวจวิเคราะห์ที่ได้ ชี้ให้เห็นว่า ตัวอย่างอาหาร และน้ำมีหลายรายการที่ไม่ได้มาตรฐานด้าน จุลชีววิทยาตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และเกณฑ์คุณภาพทางจุลชีววิทยาของอาหารและภาชนะสัมผัสอาหารของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เนื่องจากตรวจพบจุลินทรีย์ที่ใช้ในการบ่งชี้คุณภาพของอาหาร สุขลักษณะการผลิต ความปลอดภัยของอาหาร ได้แก่ เชื้ออีโคไล โคลิฟอร์ม และเชื้อรา ดังนั้น จึงควรเลี่ยงการบริโภคอาหาร น้ำ และเครื่องดื่มจากอาศรมฤๅษีพระบิดา เพราะอาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพและก่อให้เกิดโรคได้"

ขณะที่เวลา 16.00 น. วันที่ 23 พ.ค. น.ส.กาญณมาส มั่นเจริญ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก นายทวี หนันลา หรือเจ้าลัทธิประหลาดที่อ้างตัวเป็นพระบิดาของทุกศาสนา ที่ตั้งลัทธิในพื้นที่ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ และถูกทลายต้องไปพำนักที่ภูกระดึง ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.คอนสาร โดย น.ส.กาญณภาส ระบุว่า ตัวเองเป็นทนายความ รับมอบอำนาจจากนายทวี ให้มาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ในความผิดฐาน บุกรุกเคหสถาน และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สืบเนื่องจากกรณี สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุม และตรวจค้นสำนักปฏิบัติธรรมโนนจำปา

...

เวลา 21.40 น. เฟซบุ๊ก ไกรสร กองฉลาด ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "อุ๊ย พระบิดา พระองค์ลงทุนแจ้งความจับผู้ว่าชัยภูมิเลยรึขอรับ นับเป็นความภาคภูมิใจ ในชีวิตรับราชการ อย่างยิ่ง อิอิ" และหลังจากโพสต์ดังกล่าวได้เผยแพร่ไป ชาวเน็ตต่างแชร์และแสดงความเห็นกันเป็นจำนวนมาก เช่น ท่านผู้ว่า รีบมาสะเดาะเคราะห์เลยครับ 555555, ขออนุญาต ปกป้อง ท่านผู้ว่า ค่ะ ไม่ยอมๆค่ะ, เป็นกำลังใจทำในสิ่งที่ถูกที่ควรต่อไปคะ

ทางด้านนายแพทย์วชิระ บถพิบูลย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิได้ออกตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่บ้านกุดแคน หมู่ 2 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ พบว่ามีผลิตภัณฑ์จำนวนมากแขวน และวางไว้เรียงรายในพื้นที่โดยไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารส่วนใหญ่ไม่ได้ขออนุญาตในการผลิตและพบว่ามีการใช้ฉลากอาหารไม่ถูกต้องโดยไม่ได้ระบุข้อความตามที่กำหนดบนฉลากอาหาร เช่นที่ตั้งของสถานที่ผลิต วันเดือนปีที่ผลิต วันหมดอายุ เป็นต้น จึงถือได้ว่านายทวี หนันลา กระทำความผิด 2 กรรม คือ 1. ทำการผลิตอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นความผิดฐานฝ่าฝืนมาตรา 14 ต้องกำหนดโทษตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ 2522 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. มีการใช้ฉลากอาหารที่ไม่ถูกต้องโดยการใช้ฉลากอาหารที่ไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดฝ่าฝืนประกาศฯ กำหนดโทษตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท

"อาหารที่เก็บตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์จังหวัดนครราชสีมาได้รับผลวิเคราะห์มาแล้วจำนวน 8 ตัวอย่าง จากผลเบื้องต้นพบว่าตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหาร 3 ตัวอย่างคือแซ่บหลาย ข้าวเกรียบปลาทู ถั่วลันเตาคลุกเกลือ และปลาหมึกแห้ง ไม่ผ่านเกณฑ์คุณภาพทางจุลชีววิทยา ของอาหารของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยพบเชื้อราเกินเกณฑ์มาตรฐานกำหนด สำหรับเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค รอผลวิเคราะห์จากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์มาตรฐาน และมี 1 ตัวอย่างที่มีเชื้อจริง"

นายแพทย์วชิระ บถพิบูลย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ บอกอีกว่าที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือเชื้อราที่ตรวจพบอาจจะทำให้มีพิษเฉียบพลัน ทำให้เกิดคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว มีพิษต่อตับต่อไตได้ มากกว่านั้น ในระยะยาวทำให้เกิดก่อเป็นมะเร็งได้ และพบมีอีโคไลในน้ำ อาจทำให้ติดเชื้อในกระแสโลหิตถึงขั้นติดเชื้อในกระแสโลหิตและทำให้เสียชีวิตได้อีกด้วย.