"พ่อเมืองชัยภูมิ" นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจบุกสำนักประหลาด หลังรับรักษาโรคให้คนไข้กิน ฉี่ อึ เสมหะ และขี้ไคล ทั้งทำยาดอง 100 โอ่งมังกรเป็นยารักษาโรค และผู้เสียชีวิต 11 ศพ อ้างรอส่งขึ้นสวรรค์
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 65 นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วย หมอปลา กันจอมพลัง นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจ จังหวัดชัยภูมิ บุกเข้าตรวจสอบ สำนักฤๅษีประหลาดตั้งอยู่ในที่สาธารณะหมู่บ้าน กุดแคน หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เปิดรับรักษาโรคทุกชนิดโดยการรักษาให้ผู้ป่วยกิน ปัสสาวะ กินอุจจาระ กินเสมหะและขี้ไคล รวมถึงยาที่ดองไว้นับ 100 โอ่งมังกรให้กินเป็นยารักษาโรคต่างๆ ให้กับคนไข้ที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศเข้ามาทำการรักษาอยู่ในสำนักดังกล่าว จากการเข้าตรวจสอบภายในสำนักฯ เจอร่างผู้เสียชีวิตถึง 11 ราย บรรจุอยู่ในโลงศพ โดยมีการอ้างว่า รอการขึ้นสวรรค์ ขณะที่ทางลูกศิษย์แจ้งว่าไม่สามารถนำใบยืนยันการเสียชีวิตมาให้ดูได้จำนวน 5 ศพ และยังพบชายสูงอายุ ผมยาว หงอกขาว ทราบชื่อภายหลัง นายทวี หนันรา อายุ 75 ปี ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้าสำนักฯ เบื้องต้นทางตำรวจได้เชิญตัวชายสูงอายุ ออกจากสำนัก ท่ามกลางเสียงร้องตะโกน ต่อต้าน ของลูกศิษย์ที่ส่วนใหญ่จะเป็นญาติพี่น้องของชายรายดังกล่าว ที่ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่นำตัวนายทวีฯ เจ้าสำนักฯ ออกไป
...
ล่าสุดจากการตรวจสอบทราบว่า บริเวณสำนักประหลาดดังกล่าวตั้งอยู่ในที่ดินสาธารณะของบ้านกุดแคน หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายทวี เจ้าสำนักประหลาด ไปดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกที่สาธารณะ ส่วนศพผู้เสียชีวิตทั้ง 11 ราย อยู่ระหว่างการรอการตรวจพิสูจน์ อย่างละเอียดอีกครั้งก่อนจะให้ทางสาธารณสุขจังหวัดได้มาตรวจสอบว่ามีการทำการรักษาโรคจริงหรือไม่และมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายจริงหรือไม่ ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
ด้าน นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ในฐานะคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธรับไม่ได้ พฤติกรรมหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับการรักษา เพราะปัจจุบันโรคระบาดไปถึงไหนแล้ว ประเทศเราระบบสาธารณสุขได้รับการยอมรับไปทั่วโลก แต่ยังมีประเภทนี้อยู่ ต้องมีการจัดการดำเนินการ ในเบื้องต้นดูเรื่องการบุกรุกที่สาธารณะ เรื่องการจัดการศพ เพราะไม่ใช้ ฌาปนสถาน ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย เรื่องของพ.ร.บ. สาธารณสุขเกี่ยวกับการรักษาโรคต่างๆ ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเพื่อดำเนินการเพื่อให้เรื่องต่างๆ ยุติลง เป็นไปตามกฎหมาย
จากการสอบถามเบื้องต้น สถานที่แห่งนี้มีการก่อตั้งมา 4 ปี ดูได้จากสภาพอาคารต่างๆ ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนให้ทางจังหวัดในการกำชับไปยังพื้นที่ต่างๆ ว่าเกิดกรณีแบบนี้ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลมจึงจะไม่มีปัญหา กรณีนี้ก็ถือว่ามีการเข้าพื้นที่ได้เร็ว เพราะหากมีการปล่อยไปให้คนเลื่อมใสศรัทธาเยอะ ก็จะเป็นปัญหาได้ และเป็นเรื่องที่เราต้องเร่งดำเนินการไม่ให้เกิดซ้ำรอยขึ้นอีก เบื้องต้นด้านสาธารณสุขไม่ถูกหลักแน่นอน ดูจากคลิปแล้วน่าสะอิดสะเอียน สยดสยอง มีการไปพาดพิงถึงสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยให้ ฉันน้ำมูกเพื่อรักษาโรค เป็นการตีความที่ปราศจากความรู้ แล้วมาตีความเอา ฝ่ายชาวบ้านที่มาก็เชื่อต่อๆ กัน เบื้องต้นให้หมอดูประเด็นเหล่านี้อยู่ ถ้าหากเขาทำตามกฎหมายเราก็ไปทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะถือว่าทรัพย์สินของเขา แต่นี้มันไม่ใช่ เและสถานที่นั้นไม่ใช่สถานที่จัดการศพตามกฎหมาย ซึ่งฌาปนสถานจะมีกฎหมายเฉพาะ ถึงแม้เป็นของเอกชนก็ตามก็ต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ไม่ใช่การตั้งขึ้นมาแล้วอ้างว่าสถานที่นี้เป็นพื้นที่จัดการศพ เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เพราะเรามีกฎหมายอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำที่ขัดหลักสาธารณสุข
"เรื่องนี้อาจจะยังจบวันนี้ไม่ได้ เพราะมีขบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางนิติเวชลงมาเพื่อตรวจสอบ เอกสารหลักฐานต่างๆ วิธีการต่างๆ ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก็จะมีการดำเนินการต่อไป ส่วนเรื่องของสถานที่ตั้ง เมื่อพบว่าใช้เป็นพื้นที่สาธารณะ ตามกฎหมายเขาไม่ให้เข้าไปทำการบุกรุก ก็จะได้ให้นายอำเภอร่วมกับ อบต.ให้มีการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างรวมถึงทรัพย์สินต่างๆ ออกจากพื้นที่ ซึ่งมีขั้นตอนอยู่เพราะว่าจริงอยู่ว่าเป็นที่สาธารณะ แต่ทรัพย์สินของเขาก็ยังเป็นของเขาอยู่ ซึ่งเราจะทำอะไรโดยพลการไม่ได้ จะเป็นการทำลายทรัพย์สิน อาจจะต้องมีการปิดประกาศก่อนเพื่อให้รื้อถอนออกไป โดยหลังจากนี้จะต้องมีการพูดคุยกันในการระมัดระวัง เพราะเข้าข่ายการหมิ่นเหม่ในการละการปฏิบัติหน้าที่ จะต้องไปดูข้อเท็จจริงอีกครั้งว่าเขามีเจตนาอย่างไร" ผู้ว่าฯ กล่าว.
...