ยายวัย 65 ปี ชาวนาทำนาเป็นอาชีพที่ จ.บุรีรัมย์ วอนแม่โพสพเจ้าแม่แห่งข้าวมาช่วยปกปักรักษานาข้าว ถูกน้ำมูลเอ่อท่วมล้นตลิ่งเข้าท่วมนา พร้อมระดมญาติลงแขกเดินเกี่ยวข้าวในน้ำ สลับพายเรือเกี่ยว วิงวอนรัฐช่วยเหลือ ทำนาปลูกข้าวก็แสนลำบากยังต้องขาดทุนอีก

วันที่ 9 ตุลาคม 2564 ชาวนาหมู่ 10 ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ มีทุ่งนาที่บริเวณด้านหลังโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ได้ลุยลงไปเกี่ยวข้าวในน้ำ ระดับน้ำสูงประมาณ 1 เมตร โดย ต้องลอยคอเกี่ยวข้าวในที่นาที่ถูกน้ำมูลท่วม สลับพายเรือเกี่ยวข้าวแล้วลำเลียงฟ่อนข้าวขึ้นฝั่ง ด้วยความทุลักทุเลอย่างมาก

นางวัง เครือแวงมนต์ อายุ 65 ปี ชาวนา อ.สตึก กล่าวว่า มีอาชีพทำนาต่อช่วงจากพ่อแม่มากว่า 20-40 ปี วันนี้พร้อมกับญาติๆ ลูกหลานประมาณ 10 คนมาช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าว เนื่องจากปีนี้น้ำมูลเอ่อท่วมล้นตลิ่งไหลท่วมนาข้าว ตนมีความเชื่อของคนไทยโบราณสืบต่อกันมา ได้กราบไหว้บูชาแม่โพสพเพื่อค่อยปกปักรักษาคอยดูแลต้นข้าวที่ถูกน้ำกำลังเอ่อท่วมให้รอดปลอดภัย แล้วรีบระดมญาติมาช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าวหนีน้ำ

...

ขณะที่ นางสาวอุทัย แก้วกลาง อายุ 40 ปี ลูกสาวนางวัง กล่าวว่า มีอาชีพเป็นชาวนา ชักชวนญาติมาช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าวหนีน้ำ ในเนื้อที่ 30 ไร่ที่กำลังถูกน้ำท่วมนาข้าวซึ่งระดับสูงประมาณ 1 เมตร เริ่มจากซื้อกระสอบบรรจุทรายมาปิดกั้นน้ำไหลเข้านาประมาณ 600 กระสอบ เร่งสูบน้ำออกจากนา แล้วนำเรือพายมาเกี่ยวข้าวสลับลอยคอเกี่ยวข้าว ช่วงนี้ อากาศหนาวเย็น มีฝนตก ลงเกี่ยวข้าวแช่ในน้ำนานๆ ทำให้ร่างกายหนาวสั่นทรมานมาก

"ปีนี้ราคาข้าวก็ตกต่ำไม่คุ้มทุนที่ลงไป อยากวิงวอนให้รัฐมาช่วยเหลือเพราะชาวนาเจอภาวะขาดทุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ชาวนาก็ต้องจำใจทำทุกๆ ปี ทั้งๆ ที่รู้ว่าขาดทุน จึงต้องหวังพึ่งหน่วยงานจากรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านตาดำๆ ด้วย"

ขณะเดียวกัน ที่สำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรบุรีรัมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นายจักรพล จงใจภักดิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ ติดตามการเบิกเงินและรับเงินส่วนต่าง โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 งวดที่ 1 สำหรับเกษตรกรที่เพาะปลูกก่อนวันที่ 15 ตุลาคม 2564 (ข้าวหอมมะลิ ส่วนต่างตันละ 4,135.77 บาท) ตามที่เกษตรกรจังหวัดบุรีรัมย์แจ้งวันเก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 15 ต.ค. 64 ได้รับเงินโอนเข้าบัญชีทั้งสิ้น 1,022 ราย จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 16,563,555.28 บาท

บรรยากาศการเบิกเงินส่วนต่างเป็นไปด้วยความคึกคัก มีเกษตรกรที่มาเบิกเงินส่วนใหญ่ต่างกล่าวขอบคุณรัฐบาล เป็นอย่างยิ่งที่ดำเนินโครงการดีๆ มาเพื่อพี่น้องเกษตรกร แม้ในภาวะราคาข้าวในท้องตลาดไม่สูงดั่งใจเกษตรกรต้องการ แต่ก็ได้ส่วนต่างราคาจากเงินโครงการมาให้จับจ่ายใช้สอย รวมถึงเกษตรกรจะทำการตากข้าวเก็บไว้ เพื่อเข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 กับ ธกส. เพื่อไม่ให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดมากในช่วงนี้ อันจะทำให้ราคาตกต่ำอีกด้วย

ส่วนบรรยากาศการซื้อขายข้าวเปลือก ที่ท่าข้าวและโรงสีรับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิเกี่ยวสด (ความชื้น 25%) ตันละ 8,200 - 8,500 บาท บางแห่งปรับราคาเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมาตันละ 100 บาท เช่น สกต.บุรีรัมย์ เพราะต้องการจูงใจให้ชาวนานำข้าวมาขายหลังจากที่ติดตามสถานการณ์การเก็บเกี่ยว พบว่า ชาวนาส่วนใหญ่เกี่ยวข้าวแล้วนำผลผลิตไปตากเก็บมากกว่าที่จะเอามาขาย เพราะราคายังไม่จูงใจและเก็บไว้รอเข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก ปี 2564/65 กับ ธกส. และรอเงินชดเชยโครงการประกันรายได้ฯ มาจับจ่ายใช้สอย.