น่าสงสารสาวไทย เกิดที่อำนาจเจริฐ อยู่มาจนอายุ 31 ปี มีครอบครัวมีลูก 2 คน ยังไม่มีบัตรประชาชน เชื่อถูกลุงกับป้ากีดกันไม่ให้มีบัตร เพราะยังแค้นไม่หายที่หนีออกจากบ้าน วอนขอความช่วยเหลือ พาลูกไป รพ. ก็ไม่มีบัตรไปยืนยัน และยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
วันที่ 20 ต.ค. 64 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากชาวบ้านหนองอ้อยช้าง ต.ดอนอะราง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ว่าใช้ชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก เพราะไม่มีบัตรประชาชน ทั้งที่เป็นคนไทย มีญาติพี่น้องเป็นตัวเป็นตน และกำลังเดือดร้อนหนัก เพราะไม่สามารถฉีดวัคซีนได้
นางสาวนุสรา หรือตาล สิงหอำพล อายุ 31 ปี เดิมเป็นชาว จ.อำนาจเจริญ มาเป็นลูกสะใภ้ของนางจันทร์ซรี อิ่มรัมย์ อายุ 49 ปี อยู่เลขที่ 7/1 บ้านหนองอ้อยช้าง ต.ดอนอะราง อ.หนองกี่ มีบุตรกับสามี 1 คน
น.ส.นุสรา เล่าชีวิตความเป็นมาว่า ตั้งแต่เกิดมาตนไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ อาศัยอยู่กับป้ากับลุงมาตั้งแต่เด็ก เรียนหนังสือที่โรงเรียนมิ่งมงคล ต.บุ่ง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ จนจบ ป.6 ตอนนั้นได้ถามป้ากับลุงว่า ”อยากเรียนต่อ” แต่ได้รับคำตอบว่าเรียนไม่ได้ เพราะตาลไม่ได้แจ้งเกิด ไม่สามารถมีบัตรประชาชนได้ และเป็นการทราบครั้งแรกในชีวิตว่าตน ”ไม่มีหลักฐานการแจ้งเกิด” ยอมรับว่าน้อยใจที่ไม่มีใครพาไปทำ ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน
ต่อมาป้ากับลุง พามาทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ แต่ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจ เพราะป้ากับลุงไม่ยอมทำบัตรประชาชนให้ ทั้งยังโดนดุด่าสารพัด ตอนอายุ 14 ปี จึงตัดสินใจหนีไปอยู่กับแฟนหนุ่ม รู้จักกันที่กรุงเทพฯ ทำงานก่อสร้างด้วยกันเช่าห้องอยู่กระทั่งมีลูกด้วยกัน 1 คน ต่อมา แฟนทราบว่าตนไม่มีบัตรประชาชน พยายามตีตัวออกห่าง แล้วไปคบกับผู้หญิงคนใหม่ ก่อนบอกเลิกพร้อมกับเอาลูกไปด้วย แฟนบอกว่าอยู่กับตาล ไม่มีอนาคต
...
"ตอนนั้นรู้สึกเคว้งคว้าง อยู่ห้องพักคนเดียว สุดท้ายมีสองสามีภรรยาชาว อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ข้างห้อง เห็นใจพาไปอยู่ด้วย และได้มาอาศัยอยู่ที่ อ.ปะคำ กระทั่งในเวลาต่อมา มาพบแฟนใหม่เป็นชาว อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ มาถึงตอนนี้อยู่กินกันมา 7 ปี มีลูก 1 คน อายุ 6 ปี"
น.ส.นุสรา เล่าทั้งน้ำตาว่า ตอนตั้งท้องลูกคนแรก อายุได้ 15 ปี ได้เดินทางไปหาป้ากับลุงที่ย้ายไปอยู่ จ.ขอนแก่น เพื่ออยากให้ช่วยเรื่องทำบัตรประชาชน แต่ป้ากับลุงไม่ยอมช่วย บอกว่าเก่งจริงต้องไปหาทำบัตรเอาเอง คาดว่าป้ากับลุงน่าจะโกรธไม่หายที่หนีออกจากบ้าน จนตอนนี้มีลูกคนที่สอง การใช้ชีวิตเป็นไปด้วยความลำบาก เวลาเอาลูกไปรักษาพยาบาล หมอจะถามหาบัตรประชาชนแม่ทันที โดยเฉพาะช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด ตนอยู่อย่างหวาดผวา เห็นเพื่อนบ้านไปฉีดวัคซีนกัน แต่ตัวไม่สามารถไปฉีดได้ เพราะไม่มีบัตรประชาชน
"จึงอยากจะวิงวอนให้หน่วยงานใดก็ได้ เข้ามาช่วยเหลือตนให้พ้นจากความทุกข์ ได้มีบัตรประชาชนเหมือนคนไทยทั่วไป ยืนยันว่าเป็นคนไทย เพราะเกิดที่อ่างใหญ่ หมู่ 1 ต.บุ่ง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ มีพยายานเป็นผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในหมู่บ้าน ส่วนเอกสารหลักฐานมีเพียงชิ้นเดียวที่ไปขอมาได้คือ หลักฐานผลการเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนมิ่งมงคล เท่านั้น"
ล่าสุด นายวิรัตน์ กลิ่นขจร นายอำเภอหนองกี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ ซึ่งจากการสอบข้อมูลเบื้องต้น นายอำเภอเชื่อว่าเป็นคนไทย จึงนัดหมายให้ไปที่ว่าการอำเภอหนองกี่ ในวันที่ 21 ต.ค.นี้ เพื่อเอาชื่อเข้าในทะเบียนของแม่สามีก่อนแล้วทำบัตรประชาชนให้ แต่จะได้เป็นบัตรประชาชนที่มีหมายเลข 13 หลักแบบเดียวกับเด็กที่ถูกทอดทิ้งทั่วไปก่อน
หลังทำบัตรประชาชนเสร็จ จะให้ฉีดวัคซีนทันที โดยหลังจากนั้นอำเภอหนองกี่ จะประสานที่ว่าการอำเภอเมือง จ.อำนาจเจริญ เพื่อหาพยานหลักฐานมาอ้างอิง หากมีข้อมูลที่ชัดเจนก็จะสามารถทำบัตรประชาชนเหมือนคนไทยทั่วไป
น.ส.นุสรา กล่าวว่า รู้สึกดีใจและตื่นเต้น ที่มีนายอำเภอมาสอบถามด้วยตนเองถึงบ้าน และยิ่งดีใจที่สุดคือจะได้บัตรประชาชน สามารถฉีดวัคซีนได้ สามารถได้รับสวัสดิการต่างๆของรัฐบาลได้ โดยเฉพาะลูกวัย 6 ขวบ จะได้ไม่มีปมด้อย จึงฝากถึงผู้ใหญ่ใจดีทุกท่านที่เมตตาให้ตนได้สมหวัง จากที่รอมานานกว่า 20 ปี