เรื่องราวชวนสลดใจที่อุบลราชธานี เด็กชายวัย 11 ปี ปั่นจักรยานสองล้อมุ่งหน้าไป กทม. ไปหาแม่ ดีที่ครูเจอก่อน เด็กเปิดใจสุดเจ็บปวด ถูกพ่อบังคับเล่นเกมไพ่เป็นเพื่อน ไม่ทำก็ถูกฟาดก้น ครั้งละ 10-20 ที
จากกรณีที่สังคมโซเชียลแชร์เรื่องราวของเด็กชายวัย 11 ปี หนีออกจากบ้านที่อุบลราชธานี เพื่อไปหาแม่ที่กรุงเทพฯ โดยใช้วิธีปั่นจักรยานสองล้อ โชคดีมีครูในจังหวัดศรีสะเกษพบเห็น และนำภาพมาโพสต์ตามหาผู้ปกครอง
ต่อมา นายสรพงษ์ ชายแก้ว ปลัดอาวุโส อำเภอสำโรง จ.อุบลราชธานี นางจำเนียร สายราช ปลัดอำเภอฝ่ายปกครองอำเภอสำโรง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีมงคล เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านบุ่ง อำเภอสำโรง เพื่อพูดคุยกับเด็กชายคิว (นามสมมติ) อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.4 เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งจะเข้าดูแลเรื่องความปลอดภัยของเด็ก
น้องคิว เปิดเผยว่า เนื่องจากตัวเองถูกกดดันจากการที่ พ่อ บังคับให้เล่นเกมไพ่เป็นเพื่อนกับพ่อตลอดทั้งวัน ซึ่งตนไม่อยากเล่น ทำให้พ่อไม่พอใจ ใช้ไม้ไผ่ตีก้นมานานนับปี แต่ละครั้งจะตีประมาณ 10-20 ที แล้วแต่ความโมโห เมื่อวานตนกลับบ้าน ก็พบว่าพ่อเก็บตัวเล่นเกมอยู่ในห้อง และพยายามที่จะให้ตนเข้าไปเล่นด้วยเช่นเดิม พอไม่เล่นก็โมโห แต่เมื่อวานไม่ได้โดนทำร้าย ตนรู้สึกอึดอัด จึงได้ตัดสินใจคว้าจักรยานปั่นออกจากบ้านเพื่อไปหาแม่ที่กรุงเทพฯ โดยปั่นมาตามถนนอุบล-ศรีสะเกษ จนมี ครูโบ มาพบเรียกให้จอด แล้วติดต่อครูที่โรงเรียนมารับตัวกลับบ้าน
...
ด.ช.คิว กล่าวต่อว่า เมื่อเช้าวันที่ 2 ก.พ. พ่อได้เรียกตนเข้าไปคุยเพื่อถามว่าทำไมต้องหนีออกจากบ้าน ตนก็ตอบตามตรงว่า ไม่อยากอยู่กับพ่อ พ่อก็หัวเราะแล้วบอกให้ไปเอาไม้ไผ่ที่ใช้ตีประจำมาตีก้นตนอีก 20 ครั้ง ก่อนมาโรงเรียน พอย่าเห็นได้เข้ามาห้ามไว้ ตนถึงได้ออกมาโรงเรียนตามปกติ เด็กชายคิว ยังบอกอีกว่า ตนรักย่า ย่าคอยปกป้องตลอด อยากอยู่กับย่า แต่ไม่อยากอยู่กับพ่อ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน
ขณะที่ ย่าของเด็กชายคิว เล่าว่า ผู้ที่ก่อเหตุเป็นพ่อแท้ๆ ของหลาน ส่วนแม่ได้เลิกราแยกทางกันไปนานแล้ว พ่อมักบังคับให้ลูกชายเล่นเกม หลังจากเลิกเรียนก็จะกักตัวให้ลูกเล่นเกมด้วย แต่ลูกไม่ชอบ จะให้เล่นก็เล่นได้ชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งลูกชายตน (พ่อเด็ก) จะไม่ไปไหน ไม่คบเพื่อน หมกตัวอยู่แต่ในห้อง เรื่องของการตีหลานตนก็จำไม่ได้ว่ากี่ครั้ง แต่เมื่อเช้าเห็นกับตา ส่วนประเด็นเรื่องสารเสพติด หรือป่วย ไม่มี เพราะลูกชายตนไม่ออกไปไหนเลย และไม่ได้ไปหาหมอ
ด้าน นางสาวปวีณา ดุจดา อายุ 42 ปี ครูประจำชั้น ป.3 ที่ได้รับการติดต่อจากครูโบ กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ได้รับการประสานจากครูโบ (ผู้โพสต์) มาทางเฟซบุ๊กว่ารู้จักน้องคิวหรือไม่ จากนั้นได้ส่งภาพมาให้ดู ตนจึงได้ประสานไปทางย่าของน้องคิว ออกไปรับน้อง พร้อมกับครูอีกคนที่เป็นญาติกัน
"น้องคิวเป็นคนที่พูดง่าย แต่ไม่ค่อยพูด ชอบอยู่คนเดียว ทางโรงเรียนเองก็ช่วยกันดูแลเป็นพิเศษ เพราะจากการไปเยี่ยมบ้านก็ทราบปัญหานี้มาบ้าง ทางโรงเรียนจึงได้จัดให้เป็นนักเรียนกลุ่มพิเศษ ประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ล่าสุด ก่อนเกิดเหตุ น้องคิวได้คุยกับเพื่อนชั้น ป.4 ว่าจะปั่นจักรยานไปหาแม่ที่กรุงเทพฯ แต่เพื่อนๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากเก็บกดเรื่องพ่อมาเป็นเวลานาน จนถึงที่สุด จึงได้ตัดสินใจหนีออกจากบ้านดังกล่าว"
ขณะที่ นายชินวัต ทองปรีชา นายอำเภอสำโรง เผยว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ นายสรพงษ์ ชายแก้ว ปลัดอาวุโสอำเภอสำโรง นางจำเนียร สายราช ปลัดอำเภอฝ่ายปกครองอำเภอสำโรง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีมงคล ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ในชั้นต้น ให้แยก เด็กชายคิว ออกไปอยู่กับญาติเป็นการชั่วคราว และพรุ่งนี้จะมีทีมสหวิชาชีพ นักจิตวิทยา ของจังหวัดลงพื้นที่อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบสภาพจิตใจของเด็ก หาทางเยียวยา และนำพ่อของเด็กไปตรวจสุขภาพอย่างละเอียดว่าป่วยหรือไม่
ส่วนเรื่องของการดูแลระยะยาวได้มีการประสานงานกับทางโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 32 เพื่อนำน้องคิวไปเรียนต่อที่นั่น แต่ทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครองก่อน
"ด้านสภาพจิตใจของน้องคิว ตอนนี้ไม่รับพ่อแล้ว แต่ยังคงรักและห่วงย่า ซึ่งต้องใช้เวลาในการดูแลสภาพจิตใจของเด็ก ด้วยทีมงานที่มีความชำนาญ"