กดเบิก 5 พันให้พันเดียว คนฝ่าฝืนเคอร์ฟิวเพียบ
ตำรวจบุกรวบหนุ่มอมเงินเยียวยาลุงขายเฉาก๊วย หลังเห็นผู้เสียหายยืนขายของอยู่ เลยเข้าไปสอบถามถึงการลงทะเบียนขอรับเงินพร้อมอาสาจัดการให้ แถมพาไปกดเงินเอง ก่อนส่งให้แค่ 1,000 บาท เก็บไว้ 4,000 บาท ลุงตัดสินใจแจ้งความเอาเรื่อง รับสารภาพอ้างเกิดอารมณ์ชั่ววูบ พนักงานสอบสวนคุมตัวส่งฟ้องฐานลักทรัพย์ทันที ศาลสั่งลงโทษปรับ 5,000 บาท จำคุก 3 เดือน รอลงอาญา 1 ปี ขณะที่หลายจังหวัดยังคุมเข้มกวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และประกาศเคอร์ฟิวหลายรายรวบหนุ่มลักเงินเยียวยาลุงขายเฉาก๊วยซ้ำเติมคนตกทุกข์ได้ยากในยามวิกฤติ ตำรวจนำตัวส่งฟ้องศาลตัดสินลงโทษทันที โดยช่วงสายวันที่ 16 เม.ย. พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์ ผกก.สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นำกำลังเข้าจับกุมนายพัฒนา รัปชัย อายุ 21 ปี อยู่เลขที่ 326 หมู่ 2 บ้านขนงพระใต้ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง หลังถูกนายบุญใหล มอมขุนทด อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 194 หมู่ 5 ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง เข้าแจ้งความว่าถูกนายพัฒนาโกงเงินเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาลรายละ 5,000 บาท
นายบุญใหลให้การว่า มีอาชีพขายเฉาก๊วย ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ต้องเช่าเดือนละ 1,000 บาท เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมาได้ไปขายเฉาก๊วยหน้า ร.ร.ขนงพระใต้ ต.ขนงพระ มีนายพัฒนาที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเข้ามาซื้อและสอบถามถึงการลงทะเบียนรับเงินเยียวยาจากโรคระบาด ตนบอกไม่รู้เรื่อง อ่านหนังสือไม่ออก นายพัฒนาเลยอาสาลงทะเบียนให้พร้อมกับบอกว่าอีกไม่กี่วันเงินจะเข้าบัญชีธนาคาร จากนั้นวันที่ 15 เม.ย.นายพัฒนาโทรศัพท์บอกเงินเข้าแล้วและพาไปกดเงินที่หน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น กม.4 บ้านนา สามแยกถนนธนะรัชต์ทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กดอยู่ 2-3 รอบ เสร็จแล้วส่งให้ 1,000 บาท บอกเงินเข้าแค่นี้
...
นายบุญใหลให้การอีกว่า ตอนนั้นเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้เขามีน้ำใจเลยให้เฉาก๊วยไปให้ 10 กว่าถ้วยหลังจากนายพัฒนาแยกย้ายไปแล้วมีแม่ค้าขายของหน้าร้านเซเว่นฯมาถามว่าได้เงินเท่าไร พอรู้ได้ 1,000บาท แม่ค้าบอกลุงว่าถูกโกงแล้ว จากนั้นมีคนช่วยเอาสมุดบัญชีไปปรับที่ธนาคารกรุงไทย สาขาปากช่องพบว่าถูกโกงเงินไป 4,000 บาท เลยอาสาพาไปแจ้งความ หลังตำรวจติดต่อนายพัฒนาให้มาพบที่โรงพักปรากฏว่านายพัฒนาโทรศัพท์มาขอผ่อนเงินคืนให้อาทิตย์ละ 1,000 บาท แต่ตนไม่ยอมถ้าไม่คืนให้ทั้งหมดจะดำเนินคดีให้ตำรวจจับเข้าคุก
ด้านนายพัฒนา ผู้ต้องหาให้การอ้างว่า ทีแรกตอนลงทะเบียนให้นายบุญใหลก็ไม่คิดจะเอาเงิน แต่ตอนไปกดเงินเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมาก็รู้สึกอยากได้ เพราะครอบครัวตนเดือดร้อน ตอนนี้เอารถไปซ่อมไม่มีเงินจ่าย ทำให้เกิดอารมณ์ชั่ววูบเอาเงินของลุงไปใช้ วันนี้ตั้งใจจะหาเงินจากญาติพี่น้องเอาไปคืนให้ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุมเสียก่อน หลังสอบปากคำเวลา 16.00 น. พนักงานสอบสวนคุมตัวนายพัฒนาส่งอัยการยื่นฟ้องศาลจังหวัดสีคิ้ว (ปากช่อง) ในข้อหาลักทรัพย์ทันที ศาลตัดสินจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำให้รอลงอาญา 1 ปี ด้านพ.ต.อ.มานพเผยว่า ถึงแม้ผู้ต้องหารับสารภาพจะคืนเงินให้ผู้เสียหาย แต่ความผิดสำเร็จแล้ว ที่สำคัญเป็นนโยบายที่จะช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน จึงรีบส่งฟ้องศาลด้วยวาจาข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งยอมความกันไม่ได้
ส่วนผู้กระทำความผิดฝ่าฝืนท้าทาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินและประกาศเคอร์ฟิวยังมีให้เห็นต่อเนื่อง โดยที่จ.สงขลา พล.ต.อดิศักดิ์ ประชากิตติกุล ผบ.มทบ.42 สั่งการให้ ร.อ.สาธิต สุวรรณราช ผล.มว.คทร.และ ร.ต.เอนก พรหมสวัสดิ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดสงขลา สนธิกำลังร่วมตำรวจสภ.สะเดา และฝ่ายปกครองบุกจับนักพนันที่บ้านเลขที่ 39/4 ซอยลอยเลื่อน ถนนกาญจนวนิช ซอยลอยเลื่อน ต.สะเดา อ.สะเดา ขณะนั่งเล่นพนันไพ่รัมมี่ในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ก่อนรวบผู้ต้องหาได้ 8 คน เป็นชาย 1 คน และหญิง7คน พร้อมของกลาง 6 รายการ คุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ข้อหาร่วมกันลักลอบเล่นการพนัน(ไพ่รัมมี่) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมและมั่วสุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายสุพงษ์วิณัย ชูยก นายอำเภอท่าศาลา สั่งให้นายศักดิ์ชาย นันทเกษตร ปลัดอำเภอนำกำลังร่วมกับกำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ตั้งจุดตรวจบนถนนสายยางด้วน หมู่ 7 ต.โพธิ์ทอง เพื่อจับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนประกาศเคอร์ฟิวพบผู้กระทำความผิด 3 คน คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าศาลา ดำเนินคดีในข้อหาว่าออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น.โดยไม่มีความจำเป็นหรือข้อยกเว้นฯ นอกจากนี้ยังตรวจพบผู้ต้องหาเสพยาเสพติด จึงส่งเข้าศูนย์บำบัดฟื้นฟูยาเสพติดต่อไป
ที่ จ.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.อัทธชนม์ ช่วงงาม รอง ผบก.ภ.จ.ศรีสะเกษ แถลงจับกุมเด็กแว้น 8 คนพร้อมรถ จยย.ของกลางดัดแปลงสภาพ 7 คัน มีนายพรชัย ไกรรักษ์ อายุ 19 ปี พร้อมผู้ต้องหาเยาวชนอายุตั้งแต่ 12-17 ปีอีก 7 คน หลังทั้งหมดนัดแข่งรถกันบนถนนเลียบคลองส่งน้ำบ้านหนองอีหล่ำ-บ้านหนองเครือซุด อ.เมืองศรีสะเกษ เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกันในสถานที่แออัด หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบ ตามความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นผู้จัด ผู้สนับสนุนหรือส่งเสริมให้มีการแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต
ด้าน พ.ต.ท.พรรษา จิวรรักษ์ สว.สส.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นำกำลังออกตรวจพื้นที่ตอนดึกคืนวันที่ 15 เม.ย. มาถึงป้อม รปภ.ทางเข้าหมู่บ้านเอื้ออาทรนนทบุรี (วัดกู้ 3) ซอยวัดกู้ หมู่ 6 ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางพูด พบชาย 3 คนมั่วสุมเล่นเกมออนไลน์กันอย่างสนุกสนานไม่สนใจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สอบสวนทราบชื่อนายณรงค์ฤทธิ์ ลาดแก้ว อายุ 22 ปี นาย ศราวุธ รักศรี อายุ 18 ปี และนายเอกราช เรืองทิม อายุ 34 ปี พร้อมอาวุธปืนออโตเมติกขนาด 9 มม. และกระสุน 9 นัด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายของนายเอกราช ก่อนนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 เม.ย.นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกาออกคำแนะนำของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ฉบับที่ 4 ความว่า ตามที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรและนายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดห้ามมิให้บุคคลใดออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลาที่ระบุในข้อกำหนดเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเป็นบุคคลซึ่งได้รับยกเว้นนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรมประธานศาลฎีกาจึงออกคำแนะนำดังต่อไปนี้
...
การใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษแก่จำเลย ศาลพึงคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของการออกข้อกำหนดว่าเป็นไปเพื่อป้องกันมิให้ประชาชนไปประกอบกิจกรรมไม่พึงประสงค์อันนำไปสู่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส การกำหนดโทษแก่จำเลยในอัตราโทษที่เหมาะสมและมีผลในการบังคับโทษโดยทันทีย่อมส่งผลให้จำเลยเข็ดหลาบไม่กล้ากระทำความผิดอีก ตลอดระยะเวลาตามข้อกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินส่งผลดีต่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและส่งผลต่อประชาชนโดยทั่วไปที่จะยับยั้งชั่งใจและระมัดระวังที่จะไม่กระทำความผิดในฐานดังกล่าว
แต่ในภาวะเช่นนี้ก็ควรหลีกเลี่ยงการส่งจำเลยเข้าไปรับโทษกักขังในสถานที่กักขังหรือจำคุกในเรือนจำ เพราะเป็นการเสี่ยงที่จำเลยจะเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสไปแพร่ระบาดในสถานที่กักขังหรือเรือนจำ จึงสมควรที่ศาลจะนำมาตรการที่มีอยู่หลากหลายในประมวลกฎหมายอาญามาใช้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทั้งในทางลงโทษผู้กระทำความผิดและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อร้ายแรง สำหรับมาตรการทางอาญาที่ศาลจะพิจารณานำมาใช้ให้เหมาะสมตามคำแนะนำของประธานศาลฎีกาเพื่อให้การลงโทษที่สามารถใช้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้จำเลยจะมีโอกาสเป็นพาหะนำโรคระบาดไปในเรือนจำหรือสถานกักขังก็มีการกำหนดไว้ในหลายรูปแบบด้วยกัน เช่นการลงโทษปรับ การรอการลงโทษ การรอการกำหนดโทษ การกักขังในสถานที่อื่นที่กำหนด อาจจะเป็นในเคหสถาน เป็นต้น
ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงว่า ผลการปฏิบัติงานฝ่ายความมั่นคงช่วงเคอร์ฟิวคืนวันที่ 15 เม.ย. ต่อเนื่องเช้าวันที่ 16 เม.ย. มีการฝ่าฝืนออกนอกเคหสถาน 823 ราย น้อยลงกว่าคืนก่อน 13 ราย ชุมนุมมั่วสุม 168 ราย มากกว่าคืนก่อน 87 ราย 10 จังหวัดที่มีผู้ฝ่าฝืนมากที่สุดได้แก่ นนทบุรี กทม. ระยอง สมุทรปราการ ปทุมธานี สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ภูเก็ต นครราชสีมา การเอาตัวเลขตรงนี้มาพูดไม่ใช่ประจาน แต่อยากให้ประชาชนรับทราบข้อมูลและจังหวัดเหล่านี้มีผู้ฝ่าฝืนเยอะ อาจเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานเข้มแข็ง ประชาชนคอยแจ้งเบาะแส คนกระทำผิดต่างหากที่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่อยากให้มองเป็นมุมด้านลบอย่างเดียว วอนร่วมมือร่วมใจให้ได้เกิน 100 เปอร์เซ็นต์
...
ต่อมา เวลา 17.00 น. วันที่ 16 เม.ย. พ.ต.ท.ธนนท์ ล้นเหลือ รอง ผกก.สส.สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร นำกำลังเข้าปิดล้อมจับกุมผู้ลักลอบเล่นการพนัน ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ภายในโกดังรับซื้อของเก่า เลขที่ 3/2 หมู่ 8 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน ได้ผู้ต้องหา 27 คน มีนางสาวกรศิริ เรืองศร อายุ 42 ปี รับเป็น ผู้ดูแลสถานที่ ยึดของกลางเงินสด 540 บาท และอุปกรณ์การเล่นพนันหลายรายการ สอบสวนนักพนัน ทั้งหมดรับสารภาพว่าจับกลุ่มมั่วสุมเล่นการพนัน (กำถั่ว) จริง โดยสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้ามือ