ครอบครัว 3 แม่ลูก ศรีสะเกษ มีความเป็นอยู่อย่างขัดสน ไม่มีห้องน้ำ เป็นคนชราทั้งหมด มีเพียงลูกชายคนโต วัย 60 ปี หาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว เพื่อนบ้านช่วยเหลือไม่ได้เพราะยากจนเหมือนกัน วอนหน่วยงานรัฐช่วยเหลือ...
วันที่ 4 มิ.ย. 2554 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 7บ้านอาฮวด ตำบลดินแดง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ หลังทราบข่าวจากชาวบ้านว่าเป็นครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ อยู่ด้วยกัน 3 คน เป็นแม่ลูก มีฐานะความเป็นอยู่ลำบากยากจนขัดสนอย่างมาก ต้องเลี้ยงแม่อายุ เกือบ 90 ปี ป่วยเป็นโรคลมชัก และมีหญิงพิการวัยเกือบ 60 ปี พร้อมลูกชายคนโต อายุ 60 ปี ออกทำงานรับจ้างเลี้ยงชีวิตเป็นที่สลดใจให้กับชาวบ้านที่พบเห็นนัก เมื่อเดินทางไปถึงพบบ้านมีสภาพทรุดโทรมจะพังมิพังแหล่ลักษณะของบ้านที่อยู่อาศัยเป็นบ้านขนาดความกว้างประมาณ 5 เมตร ยาวประมาณ7 เมตร ยกพื้นสูงจากพื้นประมาณ 80 เซนติเมตรมุงด้วยสังกะสีผุๆพังๆกันแดดกันฝน นำไม้ไผ่ขัดแตะเก่า ๆเสาบ้านเป็นเสาไม้ขนาดเส้นรอบวงประมาณ 3-4นิ้ว ไม่มีความความแข็งแรง ที่จะสามารถที่จะทานแรงลมพายุได้
ภายในบ้านพบตู้พลาสติกเก่าๆ สภาพชำรุดผุพังเป็นที่กั้นห้องนอน ระหว่างแม่ลูก มุ้งหมอน ที่นอนเก่า ขาดวิ่น คร่ำครึ เป็นที่สร้างความอบอุ่นอีกด้านหนึ่ง แบ่งเป็นที่สำหรับใช้เป็นห้องครัว หุงหาอาหารสภาพเก่าผุพัง พบกระปุกปลาร้า มีประมาณ 3-4 ขีด น้ำปลาใกล้หมดขวด เหลือติดก้นขวด จำนวน 1 ขวด ถ้วย ชาม ภาชนะใส่อาหารเก่าๆ อีก 5-6 ชิ้น ไฟฟ้าเพียงดวงเดียว ไม่มีส้วมสำหรับขับถ่าย ขณะเดินดูสภาพบ้านอยู่นั้นได้พบหญิงวัยชราใบหน้าเหี่ยวย่น นัยตาหม่น นั่งชันเข่ากินหมากอยู่ที่แคร่หน้าบ้าน ทราบชื่อ คือ นางตอด ภาษี อายุ 86 ปี ผู้เป็นแม่ และได้มีนางติม ภาษี อายุ 56 ปี มีสภาพพิการเดินเหินไม่สะดวก ซึ่งประสบอุบัติเหตุถูกรถเฉี่ยวชน มีหลายปีก่อน ไม่มีเงินรักษาพยาบาล จึงมีสภาพเป็นคนพิการ ไม่สามารถจะออกไปหารับจ้างได้สะดวก ต้องอยู่บ้านหุงหาอาหารเลี้ยงดูแม่ที่แก่ชรา ปล่อยให้เป็นภาระของลูกชายคนโตออกรับจ้างหาเลี้ยงครอบครัวเพียงลำพัง ยกสำรับข้าวมาวางหน้าหญิงชรา สำรับกับข้าวที่ยกมาเป็นชามน้ำปลาร้า ผสมพริกผง และ ผักชะอม หยวกกล้วย ที่นำมาลวกจิ้มกับน้ำพริกปลาร้า นั่งร่วมวงรับประทานกันอยู่ ส่วนลูกชายคนโตคือ นายแหวน ภาษี อายุ 60 ปี ซึ่งวันนี้ได้ออกจากบ้านไปรับจ้างปักดำนาในต่างถิ่น
...
นายทอง คำพงษ์ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 7 บ้านอาฮวด ตำบลดินแดง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ อดีตผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่ยากจนข้นแค้นมาตั้งแต่บรพบุรุษไม่มีที่ดินที่ทำกินเป็นของตนเอง มีเฉพาะเป็นที่สร้างบ้านอยู่ประมาณ 2 งานเท่านั้น บ้าน ไม่มีห้องน้ำ แม่ผู้ที่ชราภาพมากจะปลดทุกข์ครั้งใด ผู้เป็นลูกสาวที่พิการต้องแบกนำเสียมไปขุดหลุม เป็นที่ปลดทุกข์ให้ผู้เป็นแม่ได้ขับถ่ายของเสีย เดิมครอบครัวนี้ มีลูกทั้งหมดอยู่ 6 คน อีก 4 คนพอโตขึ้น ก็ออกไปหารับจ้างในต่างถิ่นเลี้ยงชีวิต ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใดไม่ได้ข่าวคราว ปล่อยภาระให้กับนายแหวน ลูกชายคนโต ที่มีอายุ 60 ปี ไม่มีภรรยา เลี้ยงดูแม่วัยชราอายุเกือบ 90 ปี แต่ก่อนมีนางติมน้องสาวที่พอผลัดเปลี่ยนกันออกรับจ้างหาเงินกับเพื่อนบ้านหรือในต่างถิ่น แต่เมื่อ 4-5 ปีก่อนรถชนได้รับบาดเจ็บไม่มีเงินที่จะเดินทางไปหาหมอ ก็ทำให้พิการไม่สะดวกในการเดินหรือทำงานเหมือนแต่ก่อนสามารถทำได้ แค่ดูแลแม่วัยชรา และเป็นโรคลมชัก ไม่กล้าจะปล่อยไว้ตามลำพัง เพราะจะมีอาการชักหมดสติอยู่บ่อยครั้ง
อดีตผู้ใหญ่บ้าน กล่าวอีกว่า ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่มีความขยันหมั่นเพียร แต่ขาดโอกาสไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง และไร้ญาติขาดมิตร รายได้มาจากการออกหารับจ้างชาวบ้านทำงานตามฤดูกาลเลี้ยงชีพซื้อข้าวสารหุงกินไปวันๆ เท่านั้น สำหรับเรื่องอาหาร กับข้าวจะอาศัยการออกหาหอย จับกุ้ง ปู ปลา กบ เขียด ตามท้องไร่ท้องนาของชาวบ้าน หากได้จำนวนมาก็จะแบ่งขายให้กับชาวบ้านเพื่อแลกกับเงินมาซื้อข้าวสาร และเก็บผักตามธรรมชาติหรือที่ปลูกไว้ในบริเวณบ้านมาลวกต้มกินกับน้ำพริก บางครั้งถึงกับไม่ทีข้าวสารจะหุง และเป็นค่ายา แต่แม่จะเป็นคนที่ชอบทำบุญตักบาตร ทุกเช้านางตอดจะนำข้าวเปล่ามาตักบาตรกับพระสงฆ์ ที่ออกบิณฑบาตทุกเช้าไม่เคยขาด เมื่อสมัยตนเป็นผู้นำของชุมชน นำลูกเป็ด ลูกไก่ สวัสดิการอื่นๆ สมัยนั้นที่พอมีจุนเจือได้ระดับหนึ่งเท่านั้นทุกวันนี้ผู้คนในหมู่บ้านแต่ละครัวเรือนก็ยากจนไม่แพ้กัน ได้แต่มองดูเท่านั้นไม่รู้จะช่วยเหลือได้อย่างไร จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานของรัฐหรือรัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือครอบครัวนี้ด้วย โดยเฉพาะเรื่องเร่งด่วน คือเรื่องห้องน้ำห้องส้วมเพราะถึงคราวที่แม่ที่มีอายุมากชราภาพเดินไม่ไหวจะไปขับถ่ายที่ลูกสาวเป็นคนไปขุดหลุมในบริเวณบ้านให้ขับถ่ายก็ไปลำบาก หากวันใดที่มีฝนตกน้ำท่วมขังยิ่งลำบากมากยิ่งขึ้น จึงอยากฝากถึงหน่วยงานที่พอจะมีงบประมาณหรือมีผู้ใจบุญได้ให้ความช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวด้วย
ส่วนนางเสงี่ยม เสมศรี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/1 หมู่ที่ 7 บ้านอาฮวด ตำบลดินแดง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเกิดมาเห็นครอบครัวนี้แร้นแค้นมาโดยตลอด เป็นครอบครัวที่ขยันขันแข็ง หนักเอาเบาสู้ 2 พี่น้องออกรับจ้างสับเปลี่ยนกันตลอดเวลา หมู่บ้านมีการประกอบกิจกรรมตามประเพณีสำคัญของหมู่บ้านครอบครัวนี้ให้ความร่วมมือด้วยดีตลอดมา ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนใด ๆ ต่อสังคมมีแต่ตั้งหน้าตั้งตาออกไปรับจ้างเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเองเท่านั้น ไม่มีการทำประกันชีวิต ไม่มีการเข้าสงเคราะห์ชีวิต กับ ธกส.หรือ ทำประกันชีวิต น้องสาวพิการเพราะความยากจน ถูกรถชนไม่มีเงินเยียวยาในการรักษาแม้จะยากจนข้นแค้นเขาไม่เคยปริปากบ่นไม่ร้องขออะไรจากเพื่อนบ้าน จะเจียมตัวตนมาก ๆ แม้เขาเคยอดมื้อกินมื้อก็มี บางครั้งผู้เป็นแม่ เมื่อถึงวันพระเข้าวัดปฏิบัติธรรม ภายหลังพระเณร ฉันภัตตาหารเสร็จ ขออนุญาตเจ้าอาวาสวัด กรรมการวัดนำอาหารที่เหลือนำเป็นอาหารแก่ลูกกินประทังชีวิต
นางเสงี่ยม กล่าวต่ออีกว่า ที่น่าเศร้ามากที่สุดขณะนี้ คือบุตรชายคนโตบอกกว่าที่ตนรับจ้างเลี้ยงควายเพื่อนบ้านด้วยหยาดเหงื่อแรงกายของเขาเองได้ลูกควายมาเป็นของตัวเองจำนวน 4 ตัว กำลังเลี้ยงด้วยการขุนออกไปเกี่ยวหญ้าตามคันนาเพื่อนบ้าน นำเป็นอาหารควายเพื่อเป็นต้นทุนเบื้องต้นในการรองรับเป็นสวัสดิการความเจ็บไข้ได้ป่วยของคนในครอบครัวหรือหากใครคนใดคนหนึ่งตายลงไป อย่างน้อยเป็นค่าปลงศพเป็นอาหารแก่เพื่อนบ้านที่มาร่วมงานศพของคนในครอบครัวสิ่งที่ครอบครัวอยากได้อย่างเร่งด่วน คือห้องน้ำ ห้องสุขาเพราะยามที่ผู้เป็นแม่ ลูกสาวผู้พิการจะปลดทุกข์แต่ละครั้งเป็นไปด้วยความยากลำบากมากยิ่งฤดูฝนยิ่งทวีความยุ่งยากมาก ๆ