ตัดใจฆ่าเมีย-ลูก2 แขวนคอตายตาม

ความจนบีบคั้นหนุ่มใหญ่ลูกจ้างศูนย์หม่อนไหมฆ่าเมียและลูกแล้วฆ่าตัวตายรวม 4 ศพ ก่อนเกิดเหตุซื้อเหล้าขาวมากินย้อมใจ 2 ขวด คว้าไม้รองเก้าอี้โยกทุบกะโหลกลูกเมียที่นอนดูทีวีตายสยอง แล้วใช้เชือกไนลอนผูกคอกับกิ่งมะม่วงหน้าบ้าน ทิ้งจดหมายขอโทษญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับเรื่องหนี้สิน ระบุลูกสาวกลับมาบ้านปีใหม่ แต่ไม่มีเงินให้ลูกกลับไปเรียน พ่อตาเผยลูกเขยเป็นคนดีรักลูกเมีย ทุ่มเททรัพย์สินกู้ยืมเงินส่งเสียลูกสาวคนโตเรียนจบเป็นบัณฑิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น หวังได้งานทำช่วยส่งเสียน้องเรียนชั้นปี 1 สถาบันเดียวกัน แต่ยังหางานทำไม่ได้

พ่อทุบหัวฆ่าเมียและลูก ก่อนแขวนคอฆ่าตัวตายเพราะความจนบีบคั้นรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 5 ม.ค. ร.ต.อ.อดุล ขาวขำ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุฆ่ายกครัว 4 ศพ ที่บ้านเลขที่ 260 หมู่ 1 ต.เชียงหวาง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศักดา เหมือนโพธิ์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เพ็ญ พ.ต.อ.บรรจบ ศรีหานาวี ผกก.สอบสวน ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.ท.วัชราภรณ์ วายโศกา สว.พิสูจน์หลักฐาน ภ.จ. อุดรธานี นายณฐพล วิถี นายอำเภอเพ็ญ แพทย์เวร รพ.เพ็ญ นำกำลังและเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยสว่างเมธาธรรม รุดไปสอบสวน

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น มีชาวบ้านจำนวนมากยืนมุงดูและวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุสยองที่เกิดขึ้น พบศพนายไทยสาน ซ่อนชัย อายุ 50 ปี เจ้าของบ้าน ใช้เชือกไนลอนสีเขียวผูกคอกับกิ่งมะม่วงติดกับรั้วหน้าบ้าน เมื่อเดินเข้าประตูหลังบ้านพบหยดเลือดเป็นทาง ในห้องโถงชั้นล่างพบศพนางวัชราภรณ์ ซ่อนชัย อายุ 50 ปี ภรรยา กับ ลูกสาวอีก 2 คน น.ส.คชาภรณ์ ซ่อนชัย อายุ 23 ปี บัณฑิตคณะเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ น.ส.ศศิธร ซ่อนชัย อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปี 1 สถาบันเดียวกัน ถูกตีด้วยของแข็งที่ศีรษะแตกฉกรรจ์เลือดนอง มีท่อนไม้ยาวประมาณ 50 ซม.วางอยู่ข้างศพ ถาดใส่ดอกไม้ธูปเทียนและขวดน้ำตั้งอยู่ปลายเท้าทั้ง 3 แม่ลูก คาดว่าตายมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง คาดว่าทั้งสามแม่ลูกถูกสังหารขณะนอนดูทีวีในห้องโถง

...

นอกจากนี้ ยังพบผ้าขาวม้าผูกกับขื่อหลังคาหน้าห้องน้ำ ชั้นวางรองเท้ากระจัดกระจาย และพบจดหมายเขียนลาตายที่นายไทยสานเขียนบนกระดาษปฏิทินขนาดใหญ่วางอยู่หน้าห้องน้ำระบายความในใจ เนื้อหาขอโทษพี่น้องที่เป็นหนี้ทุกคน เพราะรักลูกส่งเสียให้เรียน คิดว่าลูกคนโตจบมาได้ทำงานจะมาช่วยส่งเสียน้อง แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด “ขอโทษญาติทุกคน เพื่อนทุกคน ที่ตัดสินใจแบบนี้ ลูกกลับปีใหม่ จะกลับไปเรียนไม่มีเงินให้ลูกกลับไปเรียน ขอโทษพ่อตาแม่ยายด้วยที่ต้องจบชีวิตครอบครัวแบบนี้ เพราะไม่มีทางออกจริงๆ” และขอโทษเพื่อนร่วมงานที่ต้องมารับใช้หนี้แทน โดยเขียนทิ้งท้ายว่า “ลูกเราเรียนเก่งแต่ไม่มีงานทำ หมุนอย่างไรก็ไม่พอ เงินเดือนไม่พอรายจ่าย เพราะเราสร้างเองและรักลูก ลูกเราเรียนดี ไม่เคยทำให้ผิดหวังในการเรียน”

สอบสวนนายบุญจันทร์ แสนเหมทอง อายุ 76 ปี พ่อของนางวัชราภรณ์ ให้การว่า นายไทยสาน เป็นลูกจ้างประจำอยู่ที่ศูนย์หม่อนไหมเขต 4 อำเภอเพ็ญ จ.อุดรธานี แต่งงานกับนางวัชราภรณ์ นาน 24 ปีแล้ว น.ส.คชาภรณ์เพิ่งเรียนจบคณะเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วน น.ส.ศศิธร กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 1 มหาวิทยาลัยขอนแก่น นายไทยสาน ลูกเขยเป็นคนดี รักลูกรักเมียมาก ส่งเสริมให้ลูกเรียนสูงๆ ตนเคยยกมรดกเป็นที่นาให้ ก็นำไปขายส่งลูกเรียน และกู้เงินในระบบประมาณ 2 ล้านบาท มาส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัยทั้งสองคน แต่ถ้าหากดื่มเหล้านิสัยก็จะเปลี่ยนไป อาจจะวู่วามไม่ยอมใคร ลูกเขยเคยมาบ่นว่ามีหนี้สินมากเพราะส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัย แต่ลูกจบมายังไม่มีงานทำ ไม่เคยคิดว่าจะคิดสั้นแบบนี้ ถ้ามาปรึกษาพ่อแม่และญาติก็จะช่วยเหลือกัน

นายณฐพล วิถี นายอำเภอเพ็ญ เปิดเผยว่า จากการตรวจที่เกิดเหตุ และสอบสวนพยาน สรุปได้ว่า เมื่อเวลา 21.00 น. นายไทยสานไปซื้อเหล้าขาวและธูปเทียนที่ร้านค้าภายในหมู่บ้าน หลังดื่มย้อมใจหมดไป 2 ขวด ใช้ท่อนไม้รองเก้าอี้โยก ขนาดเหมาะมือทุบศีรษะเมียและลูกนอนตายในบ้าน จัดขัน ดอกไม้ธูปเทียนขอขมา แล้วเขียนจดหมายลาตาย ก่อนใช้ผ้าขาวม้าผูกคอที่ขื่อหลังคาหน้าห้องน้ำ แต่หลังคาต่ำเกินไปย้ายไปผูกที่ต้นมะม่วงหน้าบ้าน กระทั่งเช้ามีชาวบ้านขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาเห็นศพไปเรียกญาติผู้ตายมาดู พอเข้าไปตามลูกเมียในบ้านให้มาดูศพก็พบว่าถูกทุบหัวนอนจมเลือดไปแล้ว สาเหตุมาจากปัญหาหนี้สินที่ไปกู้ยืมมาส่งลูกเรียนตามที่เขียนระบายในจดหมาย ญาติทั้งสองฝ่ายไม่ได้ติดใจ ขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป