ชาวบ้านที่บุรีรัมย์ ผวาหนัก วอนช่วยจับ "โจรลูกครึ่ง" งัดบ้านกว่า 10 ครั้ง กวาดเกลี้ยงไม่เว้นปลาแห้ง ติดวงจรปิดเห็นจะจะ แต่จับแล้วก็ปล่อยนออกมา อยู่ไม่ไหวถึงขั้นประกาศขายบ้านหนี
วันที่ 12 ธ.ค.62 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านดอน ต.หายโศก อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ว่ากำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากถูกคนร้ายมางัดบ้านขโมยเอาทรัพย์สินไปเป็นประจำแต่ไม่สามารถจับคนร้ายได้ ทั้งที่เป็นคนในหมู่บ้าน
จากการลงพื้นที่ พบชาวบ้าน มาให้กำลังใจนางแก่นจันทร์ ชินไธสง อายุ 58 ปี อยู่เลขที่ 5 หมู่ 6 ต.หายโศก ซึ่งถูกงัดบ้านครั้งล่าสุดได้เงินสดและทรัพย์สินไปกว่า 20,000 บาท ชาวบ้านที่เคยถูกงัดบ้านกว่า 10 ราย ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ทนไม่ไหวแล้ว” และยังอยู่ในการหวาดผวา เพราะคนร้ายเป็นหนุ่มลูกครึ่ง อายุ 16 ปี ยังวนเวียนในหมู่บ้าน โดยเฉพาะนางแก่นจันทร์ ที่ถูกงัดคนล่าสุด ถึงกับขึ้นป้ายประกาศขายบ้าน เพราะถูกงัดมาแล้ว 10 ครั้ง
นางแก่นจันทร์ เผยว่า ตนมีอาชีพขายอาหารอยู่หน้าบ้าน เคยถูกงัดบ้านเป็นประจำ รู้ตัวคนร้ายแต่ไม่มีหลักฐาน ทรัพย์สินที่หายไปมีทั้งเงินสดและสิ่งของเป็นเหล้า บุหรี่ ไม่เว้นปลาแห้งที่เก็บไว้ หลังจากถูกงัดมา 7 ครั้งลูกชายได้ให้ช่างมาติดกล้องวงจรปิด 3 จุด ปรากฏว่า เห็นหน้าคนร้ายชัดเจนคือลูกครึ่งวัยรุ่นในหมู่บ้านที่คาดเอาไว้แล้ว จึงเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.จำรัส สืบสำราญ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.พุทไธสง แต่จนถึงขณะนี้คนร้ายก็ยังลอยนวลอยู่ในหมู่บ้าน ไม่มีอะไรคืบหน้า
...
นางแก่นจันทร์ เล่าด้วยว่า ที่ผ่านมาวัยรุ่นอายุ 16 ปีคนนี้ ตำรวจเคยจับไปแล้วส่วนใหญ่ไปยอมความกันเพราะเห็นว่าเป็นเด็ก ต่อมา ชาวบ้านต้องการเอาเรื่อง จนถูกจับกุม แต่ก็เห็นออกมาอีก เมื่อสอบถามตำรวจแจ้งว่า “คนร้ายกระโดดหนีลงจากรถและไม่ได้ติดตาม”
ด้าน นายต่วน ธรรมเริง อายุ 79 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านที่ถูกงัดบ้านมีมากกว่า 10 หลังคาเรือน สิ่งที่แปลกคือไม่สามารถจับคนร้ายได้ ทั้งที่เป็นคนในหมู่บ้าน มีหลักฐานเป็นภาพกล้องวงจรปิด
"ตอนนี้ชาวบ้านต่างหวาดผวา บางคนเห็นคนร้ายเข้าไปเอาทรัพย์สินแต่ไม่กล้าโวยวายเพราะเกรงจะถูกทำร้าย บางรายถึงกับเอาอาวุธเป็นมีด ขวาน เตรียมไว้ข้างที่นอน เพราะไม่รู้ว่าตอนไหนจะมีคนเข้ามางัดบ้าน จึงอยากจะเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน หากปล่อยเอาไว้คนร้ายก็จะย่ามใจ และอาจจะเกิดความสูญเสียมากกว่านี้”