ตำรวจสกลนคร หอบสำนวน “ฉ้อโกงเงินน้ำท่วมยโสธร” พร้อมนำตัว 7 ผู้ต้องหาส่งอัยการ ทนายความ "แม่กุ้ง" ที่ถูกระบุเป็นตัวการหักหัวคิว ขู่ฟ้องกลับ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์"

จากกรณี บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นำหลักฐาน มอบให้ตำรวจสภ.เมืองยโสธร ดำเนินคดี "ขบวนการหักหัวคิว" นำบุคคลที่ไม่ได้รับความเดือดร้อน เข้ารับเงินช่วยเหลือ รายละ 5,000 บาท

ความคืบหน้าเวลา 11.00 น.วันที่ 25 พ.ย.62 ที่สำนักงานอัยการจังหวัดยโสธร พ.ต.ท.มิตรชัย บุญล้ำ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองยโสธร นำสำนวนพร้อมนำตัวนางรุ่งรัชนี หรือแม่กุ้ง ไชยวิชิต อายุ 69 ปี นางศิริพรหรือคุณนายถิง โคตรสมบัติ อายุ 31 ปี นายเทพพิทักษ์ โคตรสมบัติ อายุ 48 ปี กำนัน ต.น้ำคำใหญ่ นางมังกร วงค์สุวรรณ อายุ 52 ปี แพทย์ประจำ ต.น้ำคำใหญ่ นายวินัย เศรษฐะ อายุ 42 ปี นางนภัสวรรณ ศรีข้อ อายุ 60 ปี ประธานชุมชนเปี่ยมสุข และนางสมฤดี เอื้อสามาลย์ อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้านห้องพอง ต.น้ำคำใหญ่ ผู้ต้องหาที่ 1-7 ในสำนวนสอบสวนคดีอาญาที่ 1360/2562 ฐานร่วมกันฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาส่งมอบให้กับนายวีระชัย มะลิวัลย์ อัยการจังหวัดยโสธร เพื่อพิจารณา

พร้อมกันนี้ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ส่งมอบเอกสารหลักฐานในสำนวนคดี 13 แฟ้ม จำนวน 5,943 หน้า สอบพยานไปแล้ว 150 ปาก ซึ่งจากการสอบสวนพบว่ามีชาวบ้าน ที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ ไปรับเงินช่วยเหลือน้ำท่วมของนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่มอบให้ครอบครัวละ 5,000 บาท จำนวน 68 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 340,000 บาท

ทั้งนี้ พนักงานอัยการจังหวัดยโสธร ได้นัดให้ผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย มาฟังคำสั่งคดีอีกครั้งว่า จะสั่งฟ้องหรือไม่ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. ซึ่งในวันที่ 30 พ.ย.นี้จะครบกำหนดผัดฟ้องผัดสุดท้าย

...

นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ ทนายความนางรัชนี กล่าวว่าอีก 2-3 วันจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ในข้อหาแจ้งความเท็จ ตนไม่เคยมีอคติกับคุณบิณฑ์ แต่คุณบิณฑ์ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า แม่กุ้งนำเงินของบิณฑ์ไป

จากที่ตนสอบถาม แม่กุ้ง ทราบว่าเมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมาคุณเอก ที่เป็นเลขาฯ มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางมายโสธร แม่กุ้งได้เปิดห้องพักให้ 2 ห้องคืนละ 600 บาท แม่กุ้งออกเงินตัวเองซื้อผ้าขาวม้าเพื่อมาต้อนรับ แม่กุ้งไม่มีเงินเข้าบัญชี เงินทุกบาท ทางร่วมกตัญญูเป็นคนแจกเอง ทางแม่กุ้งเป็นเพียงผู้ประสานงาน ส่วนบุคคลใด จะเป็นคนหักหัวคิวต้องไปตามสืบเองแม่กุ้งไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการในการฉ้อโกง

“มั่นใจมากถึงจะไปต่อสู้กันในชั้นศาล มั่นใจว่าทางฝ่ายแม่กุ้งไม่ผิด” ทนายความกล่าว