แม่เปิดใจหลังพบแพทย์ที่ รพ.ขอนแก่น ลูกชายเตรียมเข้ารับการผ่าตัดศุกร์นี้ ขณะที่ “น้องต้นหนาว” รู้สึกกลัว เผยถูกอดีต ผอ.ต่อว่าหลังเกิดเรื่อง กรณีใช้งานนักเรียนหิ้วถังยางมะตอยร้อนจี๋จนลวกแขน นิ้วหงิก เสี่ยงพิการ
จากกรณี นางอนงค์ บุปผารักษ์ อายุ 41 ปี พา ด.ช.สรวิศ พงษ์สวัสดิ์ หรือ น้องต้นหนาว ลูกชายวัย 10 ขวบ เข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อให้ช่วยตามตัวอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนออกมารับผิดชอบจ่ายเงินค่าเยียวยารักษาอาการบาดเจ็บของลูกชายจากอุบัติเหตุน้ำยางมะตอยลวกตามแขนและฝ่ามือเป็นแผลฉกรรจ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เสี่ยงเป็นผู้พิการ โดยที่ผ่านมาไม่สามารถตกลงค่าเสียหายกันได้ จึงได้ทำหนังสือมาร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมเพื่อเรียกตัวมาไกล่เกลี่ย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ต.ค.62 นางอนงค์ บุปผารักษ์ อายุ 41 ปี แม่ของน้องต้นหนาว หรือ ด.ช.สรวิศ พงษ์สวัสดิ์ อายุ 10 ขวบ ได้พาน้องต้นหนาวเดินทางมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลขอนแก่นเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเข้ารับคำปรึกษาก่อนการผ่าตัด จากการที่ถูกยางมะตอยร้อนลวกตั้งแต่แขนด้านขวาลงมาเกือบถึงมือ และมือด้านซ้ายที่หงิกงอผิดรูป โดยมี 3 นิ้วที่เหยียดออกไม่ได้ คือ นิ้วก้อย นิ้วนาง และนิ้วกลาง
โดยทาง นพ.ธานินทร์ หอมปลื้ม ศัลยแพทย์ตกแต่งโรงพยาบาลขอนแก่น เปิดเผยหลังจากตรวจดูสภาพแผลเป็น และนิ้วทั้ง 3 ของน้องต้นหนาวที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ ระบุว่า อาการของน้องต้นหนาวตอนนี้คือแผลจากการโดนยางมะตอยร้อนๆ ลวก เริ่มหายแล้ว แต่มีแผลเป็นขนาดใหญ่ตั้งแต่ต้นแขนลงมาเกือบถึงข้อมือ แพทย์จึงต้องทำการผ่าตัดเพื่อลดขนาดแผลเป็นให้เล็กลง ส่วนบริเวณมือซ้ายที่หงิกงอผิดรูปนั้นก็จะต้องมีการผ่าตัดนำเนื้อส่วนต้นขามาผ่าตัดนิ้วใหม่ทั้ง 3 นิ้ว อาจจะต้องผ่าตัดถึง 2 รอบ เพื่อให้น้องใช้งานได้อย่างเกือบปกติ ซึ่งหลังผ่าตัดจะต้องติดตามอาการน้องต้นหนาวเป็นระยะด้วย
...
ด้านนางอนงค์ แม่ของน้องต้นหนาว กล่าวว่า ความกังวลตอนนี้คือกลัวลูกจะเจ็บ เพราะการผ่าตัดต้องเกิดขึ้น 2 ครั้ง และรู้สึกสงสารน้องที่ต้องมาเจ็บตัวหลายครั้ง ตั้งแต่โดนยางมะตอยและต้องมาผ่าตัด ก่อนหน้านี้กังวลทุกอย่าง แต่วันนี้ได้เข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ดูแลน้องก็รู้สึกสบายใจขึ้น ถึงแม้ลูกอาจจะไม่หายร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งในเรื่องของค่าใช้จ่าย ค่ารักษาได้ใช้สิทธิ์บัตรทอง แต่หากมีค่าใช้จ่ายในการรักษาอื่นๆ เพิ่มอีก ก็คงต้องไปกู้หนี้ยืมสินมารักษาลูกให้หาย เพราะที่ผ่านมาตลอดสองเดือนก็ไม่ได้ทำงาน ต้องคอยออกมาดูแลลูกอย่างใกล้ชิด เงินก็หมดไป ต้องหายืมเงินมาเป็นค่าเดินทางไปโรงพยาบาล
“อยากให้ทางอดีต ผอ.ออกมาช่วยเหลือเยียวยาตามที่เรียกร้องไป อยากให้เห็นใจทางครอบครัวของเราด้วย ไกล่เกลี่ย 2 รอบแล้วแต่ไม่เป็นผล ซึ่งหมอจะผ่าตัดช่วยเหลือลูกชายในวันศุกร์นี้ สภาพจิตใจของน้องตอนนี้ ถึงจะบอกให้เตรียมตัวในการผ่าตัด เพราะเคยนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลมาหลายวัน แต่ก็ยังมีความกลัวหมอ กลัวเข็ม กลัวโรงพยาบาล ตามประสาเด็ก ตนพยายามปลอบใจลูกว่าไม่ต้องกลัว”
ขณะที่น้องต้นหนาวเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า หลังจากเกิดเรื่องถูกอดีต ผอ.ต่อว่าจนเกิดความกลัว โดย ผอ.พูดว่า “ทำไมไม่รู้จักระมัดระวัง ไปหาล้างออก ถอดเสื้อออกตามกูมา” ซึ่งหลังจากถูก ผอ.ต่อว่า ตัวเองก็รู้สึกกลัว แต่ก็เพิ่งจะกล้าบอกแม่เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะเข้าโรงพยาบาล เพราะกลัวจะถูก ผอ.ต่อว่าอีก อยากให้คุณหมอช่วยเหลือให้หาย และไม่มีแผลเป็นที่แขน.