ชาวไร่มันใน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ถึงเวลาปรับตัว หันมาทำข้าวไร่แทนมันสำปะหลังที่ราคาตกต่ำ และมีโรคระบาด เชื่อว่าข้าวในปีหน้าจะมีราคาที่แพงขึ้น เพราะอาจเกิดการขาดแคลน จากภัยแล้งและน้ำท่วมหนัก
วันที่ 12 ก.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังในพื้นที่ตำบลตะแบกบาน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา บางส่วน เริ่มหันมาทำข้าวไร่ แทนการปลูกมันสำปะหลัง หลังจากราคามันสำปะหลังกลับมาตกต่ำและเกิดปัญหาโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคใบด่าง ทำให้เกิดปัญหาลุกลามแพร่หลาย รวมถึงจากกรณีที่เกิดปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ทำให้นาข้าวของเกษตรกรในพื้นที่ภาคอีสานส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายจำนวนมาก จึงเลือกที่จะทำข้าวไร่เพื่อหวังที่จะมีข้าวไว้กิน เพราะเชื่อว่าข้าวในปีหน้าจะมีราคาที่แพงขึ้นเพราะอาจจะเกิดการขาดแคลนข้าวจากปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง
นายช่ำ ชอนครบุรี อายุ 48 ปี ชาวบ้านบ้านหนองจาน ต.ตะแบกบาน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ตนเองเลือกที่จะปรับพื้นที่ที่เคยปลูกมันสำปะหลังรวมกว่า 10 ไร่ มาปลูกพืชผสมผสาน เช่น ถั่วดิน มะละกอ ผักชี รวมถึงข้าวไร่ เนื่องจากในปีนี้มันสำปะหลังมีการแพร่ระบาดของโรคใบด่าง สร้างความเสียหาย อีกทั้งราคาก็ตกต่ำ จึงต้องปรับเปลี่ยนปลูกพืชที่อายุสั้น และหมุนเวียนการเก็บเกี่ยวกันไปเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม โดยได้เลือกที่จะทดลองปลูกข้าวไร่เพิ่มเติมขึ้นมา 4 ไร่เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่ของตนเองมีน้ำดิบใต้ดินให้ได้ใช้ทำการเกษตรตลอดทั้งปี
...
ชาวบ้านบ้านหนองจาน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมองว่าด้วยสถานการณ์ภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่ภาคอีสานปีนี้รุนแรง จนทำให้นาข้าวได้รับความเสียหายกันทั่วภาคอีสาน จึงคิดว่าจะต้องปลูกข้าวเอาไว้เพื่อใช้รับประทานในครอบครัว เพราะปีหน้าข้าวอาจจะขาดแคลนและมีราคาแพง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีเพื่อนเกษตรกรหลายรายทดลองปลูกแล้วก็ได้ผลดี
ด้าน นายสุเวท บุญสำโรง อายุ 61 ปี ชาวบ้านบ้านหนองโค ต.ตะแบกบาน ซึ่งเป็นเกษตรกรอีกหนึ่งคนที่หันมาปลูกข้าวไร่จำนวน 2 ไร่ มานาน 5 ปี กล่าวว่า ส่วนตัวให้ความสนใจที่จะปลูกข้าวไร่แทนการปลูกมันสำปะหลังมานานแล้ว และได้ทดลองปลูกจนได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ โดยวิธีปลูกก็ไม่ได้ยากเย็นมานัก ได้ขอซื้อเมล็ดพันธุ์จากเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงมาทดลองปลูกเป็นพันธุ์ที่รู้จักกันในชื่อ “ข้าวหอมมะลิแม้ว” ด้วยระบบน้ำหยด เริ่มต้นจากเพียง 4 กิโลกรัม และเมื่อได้ผลผลิตก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ต้นทุนพันธุ์ข้าว 1 กิโลกรัม จะได้ข้าวประมาณ 4-5 กระสอบปุ๋ย หากปลูก 1 ไร่ ต้องใช้พันธุ์ข้าวประมาณ 6 กิโลกรัม
ส่วนระยะการหยอดข้าวต้องห่างระหว่างกอข้าวคือ 35 X 60 เซนติเมตร จะได้ข้าวเปลือกประมาณ 25 – 30 กระสอบปุ๋ย ส่วนการดูแลก็เน้นอย่าให้ต้นข้าวขาดความชุ่มชื้น รดน้ำให้ชุ่ม วันเว้นวัน อัดน้ำช่วงออกรวงวันต่อวัน พอรวงแก่ก็หยุดให้น้ำ หมั่นดูแลวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ โดยผลผลิตข้าวเปลือกหนึ่งกระสอบปุ๋ย น้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ 30 กิโลกรัม เมื่อสีเป็นข้าวสารแล้วก็จะได้กระสอบละประมาณ 25 กิโลกรัม ปลูกเพียง 1 ไร่ ก็จะได้ข้าวไว้กินอย่างเพียงพอในครอบครัว และพอมีเหลือจำหน่ายเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่งด้วย.