ญาติน้องปลาปลื้มหลังยุติธรรมอนุมัติเงินล้านประกันตัว ขณะที่ตำรวจเร่งเรียกสอบพยาน 2 ปากสุดท้าย ก่อนสรุปสำนวนที่ทำแล้ว 95% ถึง 300 หน้า เพื่อสรุปส่งอัยการพิจารณา ด้านญาติเผยติดใจ เรียกร้องให้มีการพิจารณาแก้กฎหมาย และกระบวนการให้เกิดความยุติธรรม แทนที่จะจับคนผิด แต่จับคนไม่ผิดยัดคุกง่ายๆ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เสียเวลาเรียนและเวลาทำงานเลี้ยงครอบครัว...
ผู้สื่อข่าวติดตามความคืบหน้าคดี ที่พี่สาวของ น.ส.สุปราณี พลดอน หรือ ปลา เข้าร้องขอความเป็นธรรมว่า กรณีที่ เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 62 เวลา 15.36 น. น้องสาวถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของอำเภอสุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด จับกุมขณะเข้าตรวจกล่องพัสดุ ที่เพิ่งส่งมาถึงบ้านจากคนที่ไม่รู้จัก ได้เพียง 2 นาที ซึ่งในกล่องพบยาไอซ์ 10.3 กรัม ซุกซ่อนอยู่ โดยทาง น.ส.สุปราณี ยืนยันว่า ไม่ได้สั่งของและไม่รู้จักคนที่ส่งของมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เคยให้ที่อยู่ไปกับเพื่อนคนหนึ่งไป ซึ่งเพื่อนขอที่อยู่ไป อ้างว่า ต้องการสั่งเสื้อคู่ มาเซอร์ไพรส์แฟน แต่เกรงว่าแฟนจะเห็นเสื้อก่อนจึงขอที่อยู่ น.ส.สุปราณี เพื่อให้ส่งเสื้อไปฝากไว้ก่อน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนส่งยาเสพติดมา จนถูกจับ เหตุเกิดที่ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกับผู้ต้องหาตัวจริงได้
พ.ต.ท.สมศักดิ์ อาจหาญ สว.สอบสวน สภ.สุวรรณภูมิ และเป็นเจ้าของคดี เปิดเผยว่า สำนวนคดีในเรื่องนี้ยังอยู่ในชั้นของพนักงานสอบสวนซึ่งกำลังรอรวบรวมหลักฐานทุกด้านอย่างละเอียด ทั้งการติดต่อการเชื่อมโยงกันทางโทรศัพท์จากค่ายโทรศัพท์อยู่และกำลังรอผลพิสูจน์สารเสพติดบ้าเป็นยาไอซ์จริงหรือไม่ ตลอดจนการเคลื่อนไหวทางการเงินจากธนาคาร ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ฝากขังน้องปลาเป็นครั้งที่ 3 เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งว่า หากการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ร้อยละ 95 เหลือเพียงการจะเรียกสอบพยานสำคัญสุดท้าย อีก 2 ปาก ที่อยู่ในเหตูการ วันรับพัสดุ คือ น.ส.ปิยะมาศ บุญเจริญ อายุ 27 ปี และน.ส.อัฐชราภรณ์ อรรคฮาด อายุ 23 ปี ที่อยู่ร่วมรู้เห็นการรับพัสดุวันนั้น เพื่อสรุปสำนวน และพบหากพบว่าน้องลูกปลาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ พนักงานสอบสวนจึงจะเสนอความคิดเห็นไปยังอัยการว่า พิจารณา เห็นสมควรสั่งฟ้อง น้องปลา หรือไม่ต่อไป จากนั้นจะอยู่ในกระบวนการดำเนินการ ขึ้นอยู่กับทางอัยการว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ หรืออัยการต้องการ จะสั่งให้สอบสวนพยานแวดล้อม เพิ่มเติมอย่างไรหรือไม่ต่อไป
...
ส่วนเรื่องการประกันตัว ทางด้านยุติธรรมจังหวัดร้อยเอ็ด ได้แจ้งว่า ขณะนี้รอขั้นตอนการโอนเงินจากยุติธรรมกลาง มาที่ยุติธรรมจังหวัดเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ ญาติของนางสาวสุปราณี ได้มาทำสัญญาค้ำประกันเงิน ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้เงินมา ก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ยุติธรรมจะ รวบรวมเอกสาร หลักฐาน และนำเช็ค หรือตัวเงินสด ไปวางต่อศาล เพื่อเป็นหลักประกันในการขออนุญาต ปล่อยตัวชั่วคราวนางสาวสุปราณี ซึ่งในขั้นตอนนี้หากได้ยื่นหลักทรัพย์ไปแล้วก็อยู่ในดุลพินิจ ของศาลท่านว่าจะอนุญาต หรือไม่ต่อไป และหากเงินมาจะรีบดำเนินการไปวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันต่อศาลโดยเร็ว
ขณะที่นางสาวขนิษฐา สีกู่กา อายุ 32 ปี ญาติของน้องปลา ที่นำพยาน 2 ปากสุดท้าย มาพบพนักงานสอบสวน กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวว่า ยุติธรรมกลาง ได้เห็นชอบอนุมัติเงิน 1 ล้านบาทเพื่อประกันตัวน้องปลา นับเป็นความพึงพอใจในระดับหนึ่ง ต่อการที่จับกุมผู้ก่อเหตุได้ ถึงแม้เจ้าตัวจะยังปฏิเสธ และว่าเป็นการถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน และกระบวนการยุติธรรมจะดำเนินการต่อไป เพื่อให้ความจริงปรากฏ ซึ่งถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับพวกตนแล้ว ซึ่งดีใจที่ได้รับความเป็นธรรมในระดับหนึ่ง จนได้รับการปล่อยตัว เพราะไม่ได้มีความผิด ซึ่งฝากขอบคุณไปยังเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ช่วยคลี่คลายคดี จนความจริงปรากฏ ตามที่พวกตนยืนยันตลอดมาว่า น้องปลา ไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น
จากการถูกจับกุมดำเนินคดีและส่งเข้าเรือนจำ ซึ่งตนเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนติดใจในเรื่องนี้ คือกระบวนการยุติธรรม หรือเรื่องกฎหมาย ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ที่จับคนบริสุทธิ์ โดยที่ไม่มีความผิด แต่กลับดำเนินคดี และจับกุมคุมขังในเรือนจำ ทำให้สูญเสียอิสรภาพ และมีความบริสุทธิ์ เพราะมีสภาพของคนยากจน ที่ไม่มีโอกาสต่อสู้ กลับต้องมาถูกยัดเยียดความผิดให้ ซึ่งควรที่จะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการ ด้านการสอบสวนให้ชัดเจนก่อน ว่ามีความผิดจริง จึงค่อยดำเนินคดี ซึ่งกรณีน้องปลาคือว่าน่าจะถือได้ว่าคือคดีต้นแบบ ในการพิจารณาของกระบวนการทางกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ให้มีการปรับเปลี่ยน ให้รัดกุมชัดเจน ป้องกันการที่จะจับใคร ยัดเข้าห้องขังก็ได้ ซึ่งถือว่าไม่ให้ความยุติธรรม กับคนที่ถูกกล่าวหา เช่นลูกปลา และโดยเฉพาะ คนยากจน ที่ไม่มีปากมีเสียง ที่พูดให้ใครยอมรับได้ ก็จะติดคุกโดยไม่มีความผิดเกิดขึ้น กลายเป็นคนที่เสียสิทธิ์ ที่จะได้รับความเป็นธรรม เทียบเท่ากับประชาชนทั่วไป
ส่วนกรณีที่เมื่อน้องปลาได้รับความเป็นธรรมกลับมา จะมีการฟ้องร้อง เรียกร้องชดเชยความเสียหาย การเสียอิสรภาพ และชื่อเสียงหรือไม่นั้น สำหรับตนเองไม่คิด เพราะเป็นความคิดที่ไม่ได้ปรึกษา หรือแม้แต่น้องปลา ซึ่งทั้งหมด คงเป็นเรื่องภายหลัง ที่จะต้องพูดคุยปรึกษากันอีกครั้งหลังจากน้องออกจากถูกคุมขังแล้วต่อไป ส่วนเรื่องของการได้รับการประกันตัว ได้นำเรื่องนี้ไปบอกน้องปลาแล้ว หลังจากได้เข้าเยี่ยมที่เรือนจำร้อยเอ็ด แต่เจ้าตัวยังไม่เชื่อ เพราะทุกครั้งที่บอกเงินช่วยเหลือก็ยังไม่มา แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้ว ซึ่งน้องปลาคงจะดีใจและเลิกร้องไห้เสียที” นางสาวขนิษฐากล่าว และล่าสุดหลังจากที่คาดว่าวันนี้เงินค้ำประกันจากกองทุนยุติธรรมจะมาถึงร้อยเอ็ด แต่ยังไม่มา คงต้องรอลุ้นในสัปดาห์ต่อไป.