พลังศรัทธาทุกภาคส่วนและศิษยานุศิษย์ แห่อาลัยหลวงปู่สอ ขันติโก เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี เกจิดังนครพนม ที่ละสังขารเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ด้วยโรคชรา ซึ่งถือเป็นพระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดิน สิริอายุรวม 114 ปี 93 พรรษา ขณะเดียวกัน ในหลวง ร.10 พระราชทานพวงมาลา น้ำหลวงสรงศพ โดยมีผู้ว่าฯนครพนมเป็นผู้อัญเชิญ ส่วนที่ฮือฮาเหรียญรุ่นแรกของหลวงปู่ ราคาพุ่งเป็นหลักแสน
เมื่อวันที่ 8 ก.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า หมู่ 10 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม คึกคักไปด้วยศิษยานุศิษย์ต่างเดินทางไปทำบุญกราบสรีระสังขาร หลังทราบข่าวการละสังขารของพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง พระครูปลัดสอ (หลวงปู่สอ ขันติโก) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี อายุ 114 ปี รวม 93 พรรษา ถือเป็นพระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดิน ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด จนเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ที่สำคัญยังเป็นศิษย์สืบสายธรรมหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโณ พระเกจิชื่อดังวิทยาคมเข้มขลัง แห่งวัดพระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พระป่าสายวิปัสสนา ที่มรณภาพตั้งแต่ปี 2510 จนกระทั่ง หลวงปู่สอ ได้สืบทอดการบำเพ็ญเพียรภาวนา รวมถึงการพัฒนาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาต่อเนื่อง กลายเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธามาถึงปัจจุบัน และยังมีชื่อเสียงด้านความเชื่อ เกี่ยวกับวัตถุมงคลที่สร้างบารมีด้านเมตตามหานิยม การค้าขาย ใครมีไว้ครอบครองจะเจริญรุ่งเรืองตามความเชื่อ ทั้งนี้ก่อนละสังขารได้เจ็บป่วยด้วยโรคชรามาหลายปี จนกระทั่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล จ.นครพนม และได้ละสังขารไปอย่างสงบเมื่อเวลา 18.12 น. วันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา

...
ขณะเดียวกัน หลังการละสังขาร พระครูปลัดสอ (หลวงปู่สอ ขันติโก) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพวงมาลาหลวง และน้ำหลวงสรงศพ โดยมี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในการประกอบพิธีอัญเชิญน้ำหลวงสรงศพ และวางพวงมาลาพระราชทาน ท่ามกลางความซาบซึ้งของศิษยานุศิษย์ รวมถึงผู้ที่เลื่อมใสศรัทธา เดินทางมาร่วมไว้อาลัย โดยทางวัดได้เปิดให้ประชาชนได้ร่วมกราบสักการะและสรงน้ำทุกวัน และยังไม่มีกำหนดการ เกี่ยวกับการขอพระราชทานเพลิงศพ
สำหรับประวัติ พระครูปลัดสอ (หลวงปู่สอ ขันติโก) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี อายุ 114 ปี รวม 93 พรรษา ถือเป็นพระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดิน มีนามเดิมว่า สอ แก้วดี เกิดในตระกูลชาวนา บ้านบะหว้า ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เมื่อวันจันทร์ ที่ 20 พ.ค.2448 ในปลายรัชกาลที่ 5 เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้อง 6 คน เสียชีวิตหมดแล้ว โดยเมื่อแรกเกิดจากคำบอกเล่าของญาติพี่น้องลูกหลาน มารดาหลวงปู่สอเคยเล่าว่า บุตรชายตอนแรกเกิดมีสายรกพันคอ โบราณเชื่อว่าโตมาจะได้บวชร่ำเรียน ขณะะที่ชีวิตในวัยเด็ก พื้นฐานมีนิสัยเป็นคนเรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน นิสัยชอบเข้าวัดฟังธรรม ผิดแผกกับเด็กอื่นในวัยเดียวกัน จนกระทั่ง บิดา มารดา ได้พาไปกราบทำบุญ ฝากเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่สีทัตถ์ พระเกจิชื่อดังของ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ด้วยความเลื่อมในศรัทธา บวชเป็นสามเณรรับใช้ตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ได้อุปสมบท มีหลวงปู่สีทัตถ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่รับใช้อุปัฏฐากผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ระยะหนึ่ง จึงได้ออกธุดงค์ไปตามป่าเขา ถ้ำและภูผา จนกระทั่งได้รับทราบข่าวอาการป่วยของมารดา ในขณะที่หลวงปู่มีอายุ 32 ปี พรรษา 12 จึงลาสิกขามาดูแลบุพการีจนวาระสุดท้าย

กระทั่งในเวลาต่อมาจึงเข้าอุปสมบทอีกครั้ง และได้ออกเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะตามป่าเขาในพื้นที่ภาคอีสาน ก่อนจะข้ามไปฝั่งลาว อยู่จำพรรษา พัฒนาวัดบ้านบุ่ง สปป.ลาว หลายปี หลังหลวงปู่สีทัตถ์ ผู้เป็นอาจารย์ละสังขาร จึงเดินทางกลับมาที่ฝั่งไทย จำพรรษาที่วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งได้บำเพ็ญเพียรภาวนาจนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของ ชาวบ้าน และศิษยานุศิษย์ตลอดมา ที่สำคัญยังเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีอายุยืนรูปหนึ่งในภาคอีสาน ดำรงชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย สายตายังมองเห็นชัด หูได้ยินเป็นปกติ ที่ทำให้อายุยืน เหงือกและฟันยังอยู่ครบเต็มปาก ซึ่งหลวงปู่สอได้เผยถึงเคล็ดลับอายุยืนว่า ฉันภัตตาหารเนื้อปลา ยอดผักสด กล้วยน้ำว้าวันละ 1 ลูกเป็นหลัก ควบคู่กับการเจริญภาวนาให้จิตใจสงบ เชื่อว่าจะสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้
นายชินพงษ์ กุลยะ อายุ 40 ปี ลูกศิษย์ที่ดูแลและใกล้ชิดหลวงปู่ กล่าวว่า ช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา หลวงปู่สอ เริ่มป่วยจากโรคชราภาพ รักษามาต่อเนื่อง จนกระทั่งได้ละสังขารลงอย่างสงบ ท่ามกลางความอาลัยของลูกศิษย์ โดยที่ผ่านมา หลวงปู่สอ ถือเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวบ้าน คนที่เคารพศรัทธา ที่คอยสั่งสอนลูกหลานให้ปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมอันดี ช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง ส่วนความเชื่อเรื่องวัตถุมงคล หลวงปู่ได้อนุญาตให้สร้างวัตถุมงคลในช่วงแค่ 2 ปีเท่านั้น คือ ปี 2559-2560 เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมพัฒนาวัด พร้อมนำปัจจัยทำการก่อสร้างเจดีย์โพธิ์ศรีในวัด ใกล้แล้วเสร็จสมบูรณ์เป็นอนุสรณ์ และเป็นที่สักการบูชา ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่าหลายคนได้วัตถุมงคลหลวงปู่สอไปบูชาจะเกิดปาฏิหาริย์เรื่องเมตตามหานิยม ค้าขายร่ำรวยเป็นหลัก
...

ส่วนเหรียญรุ่นแรก คือ เมตตามหานิยม มีจำนวนจำกัด ประมาณ 1,700 เหรียญ ส่วนเหรียญเนื้อทองคำ มีประมาณ 99 เหรียญ เหรียญเงิน แค่ประมาณ 1,000 กว่าเหรียญ ทุกวันนี้หายาก มีวงการพระให้มูลค่าราคาเช่าไว้เกือบแสนบาท ซึ่งได้จัดสร้างมาหลายรุ่น และรุ่นสุดท้าย รุ่นแผ่บารมี สร้างแค่ไม่กี่ 100 เหรียญ ทุกวันนี้หายาก อย่างไรก็ตาม หลวงปู่สอ ไม่ได้สอนให้ยึดติดเรื่องวัตถุมงคล แต่เน้นเรื่องการทำความดี แต่การนับถือเป็นความเชื่อบุคคล การสูญเสียครั้งนี้ถือเป็นเรื่องเศร้ากับลูกศิษย์เป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นพระเกจิรูปสุดท้ายที่มีอายุยืนรูปหนึ่งในภาคอีสาน.