วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ ด.ญ.6 ขวบที่อุดรธานี แม่ทิ้งพ่อติดยาบ้าถูกจับติดคุก ต้องอาศัยอยู่กับย่าทวดวัย 84 ป่วยที่โรคไตแถมสายตาฝ้าฟาง แต่ละวันอาศัยข้าวก้นบาตรประทังชีวิต ร่างกายผอมซูบ ไม่ร่าเริง
เมื่อเช้าวันที่ 17 มิ.ย.2562 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงเรียนบ้านขาวัว หมู่ 5 ต.พังงู อ.หนองหาน จ.อุดรธานี หลังทราบว่า ครูออกเยี่ยมบ้านเด็กนักเรียนหญิงชั้นอนุบาล 3 อายุ 6 ขวบ พบว่ามีฐานะยากจน พ่อแม่แยกทางกัน พ่อติดคุก แม่ไปมีสามีใหม่ อาศัยอยู่บ้านเก่าผุพังกับกับย่าทวดวัย 84 ปี สายตาฝ้าฝาง แถมป่วยเป็นโรคไต อาศัยข้าวก้นบาตรกินประทังชีวิต เป็นที่น่าเวทนา
เมื่อไปถึงพบนายอิทธิพล นาทุม ผอ.โรงเรียนบ้านขาวัว เปิดเผยว่า โรงเรียนบ้านขาวัว เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก สอนชั้นอนุบาล-ประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียน 62 คน ครู 3 คน ครูอาสา 3 คน นักเรียนส่วนมากจะฐานะยากจน พ่อแม่แยกทางกัน และอาศัยอยู่กับปู่ย่า ตายายถึง 70% เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา ครูได้ไปเยี่ยมครอบครัว ด.ญ.กมลพร ขันอาสา หรือน้องวิว อายุ 6 ปี นักเรียนชั้นอนุบาล 3 อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 96 หมู่ 5 บ้านขาวัว ต.พังงู อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
พบเป็นบ้าน 2 ชั้น หลังคามุงด้วยสังกะสีเก่า ฝาบ้านก็เช่นเดียวกัน ชั้นล่างโล่ง ห้องน้ำและห้องครัวก่อด้วยอิฐบล็อกไม่ได้ฉาบปูน พบนางคำใบ พะละกูล อายุ 84 ปี ซึ่งเป็นย่าทวด ป่วยเป็นโรคไต สายตาฝ้าฟาง มองไม่ชัด ลุกขึ้นเดินไม่ได้ ขึ้นบันไดไปนอนบนบ้านไม่ได้ ต้องนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่ชั้นล่าง โดยน้องวิวต้องใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ให้ย่าทวดนอนในเวลากลางคืน พอตื่นเช้าก็จะมีชาวบ้านนำข้าวและอาหารก้นบาตรมาให้น้องวิวและย่าทวดกินประทังชีวิต เป็นที่น่าสงสารแต่ผู้พบเห็น
นายธวัชชัย แข็งแรง ผญบ.บ้านขาวัว กล่าวว่า นางคำใบ สร้างบ้านอยู่ในธรณีสงฆ์วัดบ้านขาวัว มีลูกสาวคนเดียว และได้แต่งงานมีลูก 2 คน ผู้ชายและผู้หญิง คนแรกคือพ่อน้องวิวและน้องสาว ต่อมาลูกสาวและลูกเขยนางคำใบเสียชีวิต จึงเหลือหลานชายมีอาชีพรับจ้างทั่วไปแต่งงานและอยู่กับนางคำใบ ส่วนหลานสาวไปทำงานแม่บ้านที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีอาชีพรับจ้าง
...
ผญบ.บ้านขาวัว กล่าวต่อว่า ต่อมาพ่อและแม่ของน้องวิวแยกทางกัน แม่น้องวิวไปมีสามีใหม่ ทิ้งน้องวิวให้อยู่กับพ่อและย่าทวด ซึ่งพ่อน้องวิวจะเสพยาบ้า และอาละวาดขอเงินย่าทวดประจำ และเมื่อ 4 เดือนก่อนพ่อน้องวิวถูกตำรวจจับข้อหา “ขับรถขณะเสพยาเสพติด” ที่ จ.นครราชสีมา ขณะขับรถไปตามหาแม่น้องวิว ต้องติดคุก 6 เดือน ทำให้น้องวิวและย่าทวดต้องอยู่ด้วยกันที่บ้านตามลำพัง โดยนางคำใบอาศัยเงินผู้สูงอายุ 800 บาท เงินคนพิการ 800 บาท ไว้สำหรับเดินทางไปหาหมอ และให้น้องวิวไปโรงเรียนวันละ 20 บาท
”น้องวิวซึ่งเป็นเด็กผู้หญิง หลังจากพ่อติดคุก ชาวบ้านก็ช่วยกันดูแล ได้ให้น้องวิวไปอาศัยนอนบ้านญาติในตอนกลางคืน ซึ่งจะปลอดภัยกว่า ส่วนนางคำใบ ย่าทวดเดินไม่สะดวก สายตาไม่ดี และหูก็ไม่ค่อยได้ยิน ก็ให้นอนที่เตียงไม้ไผ่ชั้นล่าง และฝากให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้กันดูแล พอตื่นเช้าน้องวิวก็จะมาอาบน้ำแต่งตัว เดินไปโรงเรียนซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 700 เมตร โดยไม่ได้กินข้าวเช้า ตกสายชาวบ้านนำข้าวก้นบาตรมาให้นางคำใบกินประทังชีวิต โดยข้าวก้นบาตรจะกินทั้ง 3 มื้อ ซึ่งน้องวิวเลิกเรียนมาก็จะได้กินกับย่าทวดด้วย” นายธวัชชัย กล่าว
ต่อมานายรัฐอิสรา กงวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 3 อุดรธานี ได้เดินทางมาเยี่ยมน้องวิว และไปเยี่ยมนางคำใบที่บ้าน พร้อมมอบเงินโครงการ “น้ำใจล้นหลาม ลูกอุดรสามอิ่มอุ่น” 2000 บาท และถุงยังชีพ เพื่อช่วยเหลือครอบครัวน้องวิว ในเบื้องต้น และได้กำชับนายอิทธิพล นาทุม ผอ.โรงเรียนบ้านขาวัว ดูแลน้องวิว ทั้งในเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิต เนื่องจากน้องวิวมีร่างกายซูบผอม ไม่ร่าเริง และไม่ค่อยพูด คงเพราะขาดความอบอุ่นจากพ่อและแม่ ซึ่งโครงการ “น้ำใจล้มหลาม ลูกอุดรสามอิ่มอุ่น” มีเงินกองทุนสำหรับช่วยเหลือเด็กนักเรียนประสบปัญญากว่า 3-4 หมื่นคน 6 อำเภอ จะช่วยเหลือในเบื้องต้น 2,000 บาท และถุงยังชีพ ต่อไปจะได้ให้โรงเรียนดูแล และจะได้ประสานท้องถิ่นให้เข้ามาช่วยดูแลน้องวิว ต่อไป
ส่วนผู้ใจบุญที่ต้องการบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัวน้องวิว สามารถบริจาคมาได้ที่บัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สาขาหนองหาน ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชีกองทุนเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียน เลขที่บัญชี 020060709321 ซึ่งมีครูวิเชียร ปัญญาใส ครูโรงเรียนบ้านขาวัว และนายเทพชัย ย่างสวย ส.อบต.บ้านขาวัว คณะกรรมการสถานศึกษาเป็นผู้ดูแลเงินกองทุน.