เด้ง ‘ผกก.สืบ’ เข้ากรุ

“พ.ต.อ.” ลุยไฟฟ้อง “พล.ต.ต.” ข้อหา 157 ทำลายเอกสาร และปลอมแปลงเอกสาร หลังถูกป้ายสีว่ารับเงินแก๊งไม้พะยูง จนถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม เมื่อครั้งสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬด้วยกัน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษา อดีตผู้การ จ.บึงกาฬ มีความผิด ม.157 ข้อหาเดียวสั่งจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา ให้ประกันระหว่างอุทธรณ์ด้วยเงินสด 3 แสนบาท

อดีตผู้การตำรวจถูกลูกน้องฟ้องข้อหา 157 รายนี้ เปิดเผยขึ้นที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ต.ค. ศาลมีคำพิพากษาคดีดำที่ อท.180/60 พ.ต.อ.พิรพล อัจกลับ อายุ 57 ปี ผกก.ภ.สืบสวน จ.บึงกาฬขณะนั้นเป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ต.สุภลักษณ์ วรรณฤกษ์งาม อายุ 60 ปี อดีต ผบก.ภ.จ.บึงกาฬ เป็นจำเลย ฐานเป็น เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดตาม ป.อาญามาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานทำลายเอกสาร และฐานเป็นเจ้าพนักงานปลอมแปลงเอกสาร จำเลยได้รับการประกันตัวมาตลอด

โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 17 มี.ค.60 ว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค.58 เมื่อครั้งโจทก์และจำเลยรับราชการอยู่ในจังหวัดบึงกาฬ จำเลยออกคำสั่งตำรวจภูธรที่ 384/58 ให้โจทก์ไปปฏิบัติราชการตำแหน่ง ผกก.ฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธรบึงกาฬ ให้ขาดจากตำแหน่งเดิมโดยไม่มีกำหนดเวลา ขัดระเบียบการให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ พ.ศ.2552 ข้อ 6 (1) ต่อมาจำเลยออกคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับ ร.ต.ท.จ. (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) กล่าวหาว่า เรียกร้องเอาเงินจากผู้ต้องหาคดีตัดไม้พะยูง ตั้งเรื่องสอบจากเอกสารบันทึกต่างๆที่เป็นเอกสารปลอม จากนั้นจำเลยออกคำสั่งให้โจทก์ไปปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรบึงกาฬ อ้างว่าได้รับการร้องเรียนพฤติกรรมตำรวจสังกัด บก.สืบสวน จ.บึงกาฬ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ค้าไม้พะยูง

...

ทั้งที่จำเลยทราบดีว่า โจทก์และ ร.ต.ท.จ.ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต ไม่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์จากการค้าไม้พะยูง และจำเลยกระทำผิดอื่นๆให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลลงโทษฐานแจ้งข้อความเท็จ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เป็นเจ้าพนักงานทำลายเอกสาร เป็นเจ้าพนักงานปลอมเอกสาร ศาลไต่สวนมูลฟ้องมีคำสั่งเมื่อวันที่ 2 พ.ค.61 ว่า คดีมีมูล กำหนดสืบพยานโจทก์และจำเลยหลายปาก

ศาลพิพากษาเป็นคดีแดงที่ 286/61 พิเคราะห์คำให้การพยานโจทก์และจำเลยหักล้างกัน ประกอบพยานแวดล้อมคดีฟังได้ว่า จำเลยกระทำผิดข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเท่านั้น พิพากษาลงโทษตาม ป.อาญามาตรา 157 จำคุกเป็นเวลา 2 ปี ไม่มีเหตุรอการลงโทษ ส่วนข้อหาอื่นศาลยกฟ้องและให้ออกหมายขัง ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวในวงเงิน 300,000 บาทและห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ส่วนฝ่ายจำเลยเตรียมใช้สิทธิ์อุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป