ศุลกากรหนองคาย รวบ 3 ชาวลาว ขับเก๋งจะข้ามสะพานมิตรภาพกลับประเทศ ก่อนเข้าตรวจค้นเจอเงินซุกซ่อนตู้ลำโพงและช่องเก็บของ รวม 38 ล้านบาท คาดเป็นขบวนการค้าเงิน เผยเป็นรอบ 3 ในการยึดเงินเช่นนี้ ยังเหลืออีก 2 กลุ่มเป้าหมาย...
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ต.ค.61 ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย นายกฤษฎา ทองธรรมชาติ ผู้อำนวยการศุลกากรภาคที่ 2, นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมชาวลาว 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน (ขอสงวนชื่อและนามสกุลเพื่อการขยายผลจับกุม) รถยนต์เก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์ ทะเบียน คว 9889 กำแพงนคร ธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท ซุกซ่อนในตู้ลำโพงด้านหลังรถ 10 ล้านบาท และซ่อนไว้ในช่องเก็บของช่วงกลางเบาะนั่งโดยสารด้านหลัง 28 ล้านบาท รวม 38 ล้านบาท
การดำเนินการในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ศุลกากรเฝ้าระวังขบวนการลักลอบนำเงินตราออกนอกประเทศโดยผิดกฎหมาย โดยทราบว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีการเข้าออกประเทศบ่อยครั้ง จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. วันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา รถยนต์คันดังกล่าวขับเข้ามาบริเวณด่านพรมแดนและกำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงได้เรียกตรวจสอบก็พบของกลางดังกล่าว โดยมีการอำพรางนำเครื่องอุปโภคบริโภควางปกปิดลำโพงในช่องเก็บของกระโปรงหลังรถ
...
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทั้งสามคนยอมรับสารภาพว่า ได้ซุกซ่อนเงินทั้งหมดไว้จริง โดยต่างคนต่างมีธุรกิจของตนเอง ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการขายอาหารสดและอาหารแห้ง รวมทั้งทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราในนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ด้วย หลังถูกจับกุมยินยอมระงับคดีในชั้นศุลกากร
นายกฤษฎา กล่าวว่า การตรวจยึดเงินในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ศุลกากรหนองคายจับกุมได้ ครั้งแรก 98 ล้านบาท, ครั้งที่สอง 30 ล้านบาท และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งการลักลอบนำเงินออกนอกประเทศเป็นความผิดตาม มาตรา 166 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 เจ้าของหรือผู้ครอบครองมีความผิดฐานพยายามลักลอบนำเงินตราไทยออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ตามมาตรา 242 และ มาตรา 252 และ มาตรา 165 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 8 ทวิ พ.ร.บ.แลกเปลี่ยนเงิน พ.ศ.2485 โดยทางศุลกากรจะประสานกับ ปปง. ทำการตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินว่าเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย ยาเสพติด หรือไม่ แต่คาดว่าน่าจะเป็นขบวนการค้าเงิน เมื่อผู้กระทำผิดทั้ง 3 คน ยอมรับผิดและยินยอมระงับคดีในชั้นศุลกากร ก็จะถูกปรับเงินคนละ 20,000 บาท และคืนเงินให้คนละ 2 ล้านบาทตามสิทธิ เงินที่เหลือ 32 ล้านบาท ยึดเข้าหลวง รวมทั้งรถยนต์ก็จะถูกยึดด้วย
นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขบวนการนำเงินออกนอกประเทศที่เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามมี 5 กลุ่ม ถูกจับกุมแล้ว 3 กลุ่ม ยังเหลือที่ต้องจับตาดูพฤติกรรมอีก 2 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มนี้จะถูกดำเนินการเช่นเดียวกับสองกลุ่มที่ผ่านมา โดยการเป็นชาวต่างชาติก็จะถูกควบคุมตัวไว้ก่อนจนกว่าคดีจะสิ้นสุดจึงจะกลับประเทศได้ และต้องมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ทุกครั้งที่ได้รับการประสาน ส่วนเงินของกลางจะนำไปเก็บรักษาไว้ที่ธนาคารก่อนจะโอนเข้าคลังต่อไป.