แพทย์ รพ.อำนาจเจริญแจงกรณีสาวผ่าคลอดแล้วเสียชีวิต ชี้เหตุจากน้ำคร่ำรั่วไปอุดกั้นหลอดเลือดในปอด โดยโอกาสที่เกิดได้แค่ 1 ใน 8 หมื่นคน ขณะที่ญาติไม่ยอมเผาศพ หากไม่ช่วยเหลือ...
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 3 มิ.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นางสาวเกษรินทร์ สุวะมาตย์ อายุ 30 ปี เข้าผ่าคลอดบุตรที่ รพ.อำนาจเจริญกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 31 พ.ค.61 ที่ผ่านมา
ล่าสุด พญ.นภาพร เกียรติดำรง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำนาจเจริญ ด้านปฐมภูมิ ชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตว่า หลังจากเมื่อวันที่ 31 พ.ค.61 ที่ผ่านมามีผู้ป่วยเข้ามาคลอดบุตรแล้วเกิดเสียชีวิตที่ รพ.อำนาจเจริญ แพทย์ขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้ว่า ผู้ป่วยรายนี้ ได้ตั้งครรภ์ที่ 2 โดยได้ฝากครรภ์ที่ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองสมุทรปราการ เนื่องจากผู้เสียชีวิตทำงานที่ กทม.และครบกำหนดใกล้คลอดจึงได้กลับมาคลอดที่ภูมิลำเนา ที่ จ.อำนาจเจริญ โดยในวันที่ 31 พ.ค.61 ได้เข้ามาคลอดบุตรที่โรงพยาบาล โดยในขณะนั้นผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อน คือมีความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นขณะตั้งครรภ์ และมีอาการบวม แพทย์ที่ให้การรักษาในขณะนั้น ได้วินิจฉัยแล้วว่า เข้าข่ายภาวะครรภ์เป็นพิษ จำเป็นต้องรีบดำเนินการให้เกิดการคลอดเกิดขึ้นโดยเร็ว จึงได้นัดผู้ป่วยมาผ่าตัดคลอด
รอง ผอ.รพ.อำนาจเจริญ ด้านปฐมภูมิ กล่าวต่อว่า ในวันดังกล่าวอีกทั้งอายุครรภ์ก็ถึงกำหนดคลอดแล้ว ก่อนคลอดได้ตรวจสภาพทารกในครรภ์ พบว่าแข็งแรงดี แพทย์จึงได้ผ่าตัดคลอด โดยการผ่าตัดคลอดก็ดำเนินการผ่านไปด้วยดี ได้ทารกเพศหญิง น้ำหนัก 2,400 กรัม สุขภาพแข็งแรงดี แต่หลังคลอดกลับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อในขณะที่สูตินรีแพทย์กำลังเย็บปิดชั้นของกล้ามเนื้อ และชั้นผนังหน้าท้องอยู่นั้นจู่ๆ ผู้ป่วยเกิดอาการเขียวตามปลายมือ ปลายเท้า และความอิ่มตัวของออกซิเจน ประกอบกับความดันเลือดลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ทางสูตินรีแพทย์จึงได้เรียกทีมช่วยเหลือโดยทันที แพทย์จึงได้ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ โดยได้ดำเนินการใส่ท่อช่วยหายใจ ในทางเทคนิคของการผ่าคลอด จะมีการระงับการเจ็บปวด และในเคสนี้ สูตินรีแพทย์ได้บล็อกหลัง ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่าการดมยาสลบ แต่เนื่องจากขณะที่ผู้ป่วยมีอาการเขียวเกิดขึ้น ความดันและความอิ่มตัวของออกซิเจนต่ำลงอย่างรวดเร็ว จึงต้องรีบช่วยเหลือ โดยการใส่ท่อช่วยหายใจให้กับผู้ป่วย ที่ทำโดยวิสัญญีแพทย์ และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที หัวใจคนไข้เกิดหยุดเต้น ทีมแพทย์จึงระดมกำลังเข้าช่วยชีวิต ใช้เวลาอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ทำให้ผู้ป่วยได้เสียชีวิตลง
...
"ทีมแพทย์ ได้ลงความเห็นสาเหตุการเสียชีวิต ว่า เกิดจากน้ำคร่ำรั่วไปอุดกั้นหลอดเลือดในปอด จนทำให้การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะการหายใจล้มเหลวฉับพลัน ส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นตามมา นับได้ว่า เป็นการเกิดภาวะฉุกเฉินและเร่งด่วนมากในทางสูติกรรม โดยอัตราการเกิดของภาวะดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นได้ยากมาก เกิดขึ้นได้เพียง 1 ต่อ 8 หมื่นราย ซึ่งที่ผ่านมา โรงพยาบาลอำนาจเจริญ ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ขึ้นเลย" พญ.นภาพร กล่าว
รอง ผอ.รพ.อำนาจเจริญ ด้านปฐมภูมิ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ทาง รพ.อำนาจเจริญยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ ในเบื้องต้น รพ.จะช่วยเหลือนมผง ผ้าอ้อม และของใช้เด็กอ่อน ให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพื่อดูแลทารกแรกเกิดที่เพิ่งเกิด เป็นระยะเวลา 2 ปี และจะเร่งดำเนินการประสานการรับค่าชดเชยตามสิทธิ์ ที่ผู้ป่วยพึงจะได้รับ ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยเร็ว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้านของผู้เสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 1 บ้านแมด ต.แมด อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ ซึ่งญาติได้นำศพของผู้เสียชีวิตมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านหลังดังกล่าว โดยมีญาติพี่น้องเดินทางมาเคารพศพอยู่เป็นระยะ
ด้าน นางมาลา สุวะมาตย์ อายุ 50 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เบื้องต้นทางญาติไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต แต่ขอเพียงแค่ให้ช่วยเหลือให้ครอบครัวได้รับค่าชดเชย ตามสิทธิ์ที่ผู้เสียชีวิตพึงจะได้ เพราะผู้เสียชีวิต มีลูกชายคนโต วัย 7 ขวบ อีกทั้งยังมีทารกที่เพิ่งคลอดออกมาอีก ทำให้ภาระทุกอย่างตกอยู่ที่ผู้เป็นแม่ ต้องเลี้ยงดูหลานถึง 2 คน แม่เองก็อายุมากแล้วไม่มีงานประจำทำ และครอบครัวก็มีฐานะยากจน รายได้ที่จุนเจือครอบครัวทุกบาทก็มาจากที่ผู้ตายดั้นด้นไปทำงานในเมืองหลวงจึงได้มา ตอนนี้ขาดเสาหลักของครอบครัวไปทำให้ครอบครัวลำบากมาก จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลให้ทางครอบครัวได้รับค่าชดเชยอย่างเป็นธรรมด้วย และครอบครัวจะไม่เผาศพจนกว่าจะได้รับค่าชดเชยที่เป็นธรรม.