เจ้าอาวาสวัดดังนครพนม ยันไม่รู้เห็นการหลบหนีไปลาวของ พระพรหมเมธี หลังพบรถตู้จอดหน้ากุฏิ เผยมีโยมนำมาฝากจอดในช่วงงานบุญวัด และไม่เคยรู้จักพระที่หลบหนี... 


เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.61 จากกรณีที่พบรถโตโยต้า อัลพาร์ด สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กภ 3 กภ 8672 กรุงเทพมหานคร จอดทิ้งไว้ใกล้กุฏิเจ้าอาวาสวัดป่าสุคนธรักษ์ บ้านค่ายเสรี ต.นางาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม ที่เชื่อว่าเป็นรถของพระพรหมเมธี หรือนายจำนง เอี่ยมอินททรา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ที่ยังหนีในพื้นที่ จ.นครพนม และพบเบาะแสว่ามีการหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาวนั้น

ด้านพระอธิการ พรเทพ จักรวโร เจ้าอาวาสวัดป่าสุคนธรักษ์ เผยว่า หลังมีข่าวพบรถตู้ที่มาซุกซ่อนในวัดแพร่ออกไป ทำให้สังคมเข้าใจผิดว่าตนช่วยเหลือในการหลบหนี ตนยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวมาก่อนกับพระที่หลบหนี ซึ่งเคยไปพบกันที่มีการทำบุญที่วัดในแขวงคำม่วน สปป.ลาว เมื่อปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้สนิทสนม และไม่เคยมาที่วัด แต่ภายหลังรู้จักตามสื่อว่ามีการหลบหนีการจับกุม ซึ่งตนได้ให้การกับตำรวจตามข้อเท็จจริงทุกอย่างก่อนหน้านี้ และอยากให้ญาติโยมเข้าใจในทางที่ถูกต้อง ไม่อยากให้กระทบต่อการพัฒนาวัด และความศรัทธาของญาติโยมที่ตนได้พยายามร่วมกันพัฒนาสร้างวัดมา หลังมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสเมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจากเจ้าอาวาสท่านก่อนมรณภาพ ตนในฐานะลูกศิษย์ที่เคยรับใช้จึงมาดูแลพัฒนาต่อ เพราะตนได้อุทิศในทางธรรม หลังบวชมาตั้งแต่ปี 2551 รวมกว่า 9 พรรษา


ส่วนที่มาของรถตนยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยวันเกิดเหตุมีญาติโยมนำมาฝากจอดไว้ ซึ่งวันนั้นเป็นวันวิสาขบูชา มีญาติโยม จำนวนมากมาทำบุญ จึงไม่ได้สังเกตว่าเป็นรถใคร และมีใครมาในรถบ้าง เพราะถือว่าเป็นปกติที่ญาติโยมมาทำบุญ แต่ยอมรับว่ามีญาติโยมจากลาวที่คุ้นเคยมาทำบุญจริง ซึ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับการหลบหนีหรือไม่ จนกระทั่งเย็นวันเดียวกันมีตำรวจมาตรวจสอบที่วัด และพาไปตรวจสอบรถที่นำมาจอดใกล้โรงครัว มารู้ทีหลังจากตำรวจว่าเป็นรถของพระที่หลบหนี ยังตกใจ แต่ได้ให้ความร่วมมือตำรวจทุกเรื่อง โดยไม่ได้กังวลว่าจะถูกดำเนินคดี เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องเลย และพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง และทางตำรวจไม่ได้มีการข่มขู่ แต่รายละเอียดการตรวจสอบรถตนไม่รู้ และมีการตรวจยึดรถไปแล้ว เพียงแต่รู้ว่ารถที่มาจอด มีการถอดป้ายทะเบียน และมีการถอดขั้วแบตเตอรี่ โดยไม่ทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ซึ่งในวัดมีวงจรปิดแต่ระบบเสียนานแล้ว และได้มอบให้ตำรวจตรวจสอบแล้ว อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าไม่ได้รู้จัก และไม่เคยมีความสัมพันธ์กับพระที่หลบหนี และไม่เคยเดินทางมาในวัด ส่วนการพัฒนาวัด ปัจจัยต่างๆ มาจากพลังศรัทธาญาติโยมทั้งหมด ร่วมกับชาวบ้าน จนเป็นวัดที่ที่ชาวบ้านศรัทธา หลังจากนี้ต้องปล่อยให้ทางตำรวจดำเนินการตามขั้นตอน.

...