ผู้การฯ ขอนแก่น เผยสายอินเทอร์เน็ต ต้นเหตุสาวใหญ่ขี่ จยย.เกี่ยวคอดับ เดินสายไม่ขออนุญาตให้ถูกต้อง แนะ กฟภ.แจ้งความเอาผิด ทั้งแพ่งและอาญา คืนความเป็นธรรมคนตาย...


เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 1 พ.ค. 61 ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ขอนแก่น พล.ต.ต.พรหมณัฐเขต ฮามคำไพ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เปิดเผยว่า การสืบสวนสอบสวนเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีของ น.ส.มณีเนตร เจริญเหง่า ซึ่งถูกสายสัญญาณอินเทอร์เน็ตเกี่ยวคอ เสียชีวิตคาที่ ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพัก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา บน ถ.เหล่านาดี หน้า ร.ร.แก่นนครวิทยาลัย เขตเทศบาลนครขอนแก่น ขณะนี้การสืบสวนสอบสวนทางคดีมีความคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะต้นเหตุของการเกิดเหตุที่มุ่งประเด็นไปที่สายสัญญาณอินเทอร์เน็ตดังกล่าวว่า ตกลงมาได้อย่างไร โดยขณะนี้ได้เรียกเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาให้ปากคำ โดยพบว่าจุดที่เกิดเหตุนั้น เป็นจุดที่มีการลากสายสัญญาณต่างๆ พาดผ่านถนน จากฝั่งหน้า ร.ร.แก่นนครวิทยาลัย ไปยังฝั่งสนามกีฬากลาง จ.ขอนแก่น โดยสายที่ตกลงมาจนเกิดเหตุดังกล่าวนั้นไม่ได้มีการขออนุญาตจาก กฟภ. แต่อย่างใด


ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวอีกว่า สายสัญญาณอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นของบริษัทรายใหญ่ระดับประเทศ มีความผิดชัดเจน เพราะไม่ได้มีการขออนุญาตผ่านสายให้ถูกต้อง ซึ่งขณะนี้ได้ประสาน กฟภ. แจ้งความเอาผิดเพิ่มเติมด้วย และต้องมีการตรวจสอบทั้งหมดว่าในจุดนี้ มีการขออนุญาตทุกสายหรือไม่ ส่วนรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ที่ปรากฏในคลิปนั้นยังคงไม่ตัดประเด็นออกไป โดยทราบแล้วว่ารถคันดังกล่าวเป็นของบุคคลใด เพราะเป็นรถยนต์ขนส่งเอกชน ซึ่งจะเรียกผู้ขับขี่ และเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวมาให้การกับเจ้าหน้าที่เช่นกัน


ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวต่อว่า คดีดังกล่าวยืนยันในการให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายและลงลึกในรายละเอียดอย่างรอบคอบ เพราะเกี่ยวพันกันหลายส่วน ทั้ง กฟภ., บริษัทสายสัญญาณอินเทอร์เน็ต, รถยนต์บรรทุกตามภาพที่ปรากฏ และผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว อีกทั้งเป็นคดีความที่ประชาชนให้ความสนใจและเป็นภัยใกล้ตัว ดังนั้น การคืนความเป็นธรรมและความชอบธรรมให้กับผู้เสียชีวิต ตำรวจจะดำเนินการทั้งทางคดีอาญาและคดีแพ่ง โดยเฉพาะกับการชดใช้ค่าเสียหายที่ผู้เสียชีวิตควรได้รับ และการรับผิดชอบในด้านต่างๆ ของผู้ประกอบการ ที่ต้องมีต่อสังคมในภาพรวม 


...

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้สั่งการให้ตำรวจทั้ง 30 สภ. ใน จ.ขอนแก่น เร่งสำรวจจุดเสี่ยงของสายสัญญาณต่างๆ ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในลักษณะนี้ โดยตำรวจจราจรทุกโรงพักจะเป็นแม่งานหลักในการสรุปรายงานที่จะต้องแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อที่จะร่วมกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นมาอีก และเป็นการกระตุ้นให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทุกหน่วยงานเอาจริงเอาจังในการกำกับดูแลสายสัญญาณ หรือความรับผิดชอบที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องด้วย.