ญาติเหยื่อรถบัสมรณะ เข้าเก็บอัฐิแต่เช้ามืด หลังครบ 3 วัน ท่ามกลางความโศกเศร้า ส่วนเจ๊เจ้าของรถทัวร์ ยกเลิกประกอบกิจการ และการขออนุญาตประกอบการขนส่งแล้ว...
เมื่อวันที่ 28 มี.ค.61 วลา 05.30 น. ที่วัดดงกระยอม ตำบลห้วยโพธิ์ และที่วัดป่าพุทธมงคล ตำบลหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พระราชศีลโสภิต หรือหลวงปู่หนูอินทร์ นำญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุรถทัวร์มรณะ ทำการเก็บอัฐิและเถ้า ผู้เสียชีวิตทั้งสองแห่งรวม 14 ราย ซึ่งเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ทำการฌาปนกิจบนเชิงตะกอนหรือเผาแบบกองฟอนพร้อมกัน แต่เนื่องจากเพื่อความสบายใจ ตามธรรมเนียมความเชื่อโบราณ จึงได้ปล่อยให้เชิงตะกอนดับเอง เพื่อลดอาถรรพณ์กรณีตายโหงให้วิญญาณสงบ และเป็นกุศโลบายให้ญาติได้ทำใจก่อนที่จะทำการประกอบพิธีทางศาสนา
บรรยากาศเก็บอัฐิของญาติยังคงอยู่ท่ามกลางความเสียใจ เพราะไม่มีใครต้องการให้เกิดอุบัติเหตุ ต่างหวังว่ากรณีอุบัติเหตุรุนแรงเช่นนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย โดยหลังเก็บอัฐใส่โกศและหม้อดินแล้วได้เอาเถ้าส่วนหนึ่งใส่สังกะสี มาปั้นเป็นร่างของผู้ตายแล้วนำแทนธูปมาปักและโรยดอกไม้ จากนั้นได้จุดธูปจุดเทียนพระสงฆ์สวดแผ่เมตตาให้วิญญาณสงบไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น จากนั้นก็จะได้ทำบุญตักบาตรเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
...
ขณะที่ นายกฤษฎา มะลิซ้อน ขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า การเอาผิดกับ นางทัน เลิศสหพันธ์ บ้านเลขที่ 340 ถ.กุดยางสามัคคี ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เจ้าของกิจการกันเองทัวร์ ก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกทะเบียนรถที่ก่อนเหตุ เนื่องจากใช้งานไม่ได้อีกแล้ว และการเพิกถอนใบขับขี่ของ นายกฤษณะ จุฑาชื่น คนขับรถ ล่าสุด นางทัน ได้เข้ามาขอยกเลิกการประกอบธุรกิจทัวร์ หรือยกเลิกการขออนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้รถในบริษัททัวร์ มีจำนวน 3 คัน คือ 1 คันเกิดเหตุ ส่วนคันที่ 2 ได้ขายให้กับบุคคลอื่นไปแล้ว และ คันที่ 3 ทราบว่า ได้นำรถทัวร์ไปขายให้กับผู้ประกอบการรายหนึ่งที่จังหวัดนครปฐม เพื่อยุติการประกอบธุรกิจรถทัวร์ เนื่องจากเสียใจต่อเหตุการที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นการเลิกกิจการทัวร์ แต่ในด้านการเอาผิดเกี่ยวกับกฎหมายขนส่งนั้น เนื่องจากรถที่เกิดเหตุ ไม่ได้มาตตรวจสภาพรถจริงครั้งที่ 2 ตามกฎหมาย เพราะตามกฎหมายรถทัวร์คันดังกล่าวอยู่ในหมวดรถโดยสารสาธารณะไม่ประจำทาง หรือรถเหมาเช่าจะต้องนำมาตรวจสภาพกับขนส่งปีละ 2 ครั้ง เหมือนกับรถโดยสารประจำทางสาธารณะ ซึ่งตามกำหนดระยะเวลารถคันนี้จะต้องนำมาตรวจสภาพครั้งที่ 2 ไม่เกิน ม.ค.61 ซึ่งผู้ประกอบการยังคงต้องมาดำเนินการจ่ายค่าปรับ ซึ่งมีอัตราปรับสูงสุดถึง 50,000 บาท เพราะทำผิดเงื่อนไขของกรมขนส่งทางบก
สำหรับบรรยากาศการสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บ และญาติผู้เสียชีวิต ยังคงดำเนินต่อไปเป็นวันที่ 2 โดย ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ และ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้อำนวยความสะดวกให้กับญาติและผู้เสียหาย เพื่อเร่งสรุปสำนวนในการส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดนครราชสีมา คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน นับจากนี้.