ศาลจังหวัดนครพนม อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา กรณี ‘ครูจอมทรัพย์’ร้องขอรื้อฟื้นคดีขับรถชนคนตาย จนตัวเองต้องติดคุก ผลการพิจารณา ให้ยกคำร้อง เท่ากับยังคงคำพิพากษาเดิม ให้จำเลยยังมีความผิด เป็นอันจบสิ้นกระบวนการ..
เวลา 11.00 น. วันที่ 17 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลจังหวัดนครพนม ก่อนถึงเวลานัดฟังคำพิพากษาคดีประวัติศาสตร์ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครู จ.สกลนคร ยื่นร้องขอรื้อคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ในคดีขับรถชนคนตาย หลังติดคุก 1 ปี 6 เดือน จากคำพิพากษาตัดสินของศาลฎีกา ให้จำคุก 3 ปี 2 เดือน เมื่อปี 2556 แต่ได้รับการอภัยโทษออกมา เมื่อปี 2558 และได้ยื่นร้องทุกข์ต่อกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรื้อคดีตาม พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 กระทั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้น คือ ศาลจังหวัดนครพนม พิจารณารื้อคดี โดยมีกำหนดนัดสืบพยานเมื่อวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในช่วงเช้า นายพงศา ราตรี ทนายฝ่ายกฎหมายกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายชาญวิทย์ เพียแสน นักทัณฑวิทยา ชำนาญการ ผู้รับผิดชอบดูแลคดีครูจอมทรัพย์ ได้ยื่นหนังสือเพื่อขออนุญาตศาลจังหวัดนครพนม ให้มีการพิจารณาอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา ก่อนกำหนด เนื่องจากตามกำหนดจะมีการนัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 7 ธันวาคม 2560 แต่ถือเป็นคดีสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ รวมถึงในขั้นตอนของทางฝ่ายกฎหมาย เจ้าตัวคือ นางจอมทรัพย์ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครพนม เพื่อให้พิจารณาอ่านคำพิพากษา ในวันนี้คือ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.00 น.
...
ขณะเดียวกัน นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี ได้เดินทางมาพร้อมลูกสาว และญาติ โดยได้ไปขอพรองค์พญาศรีสัตนาคราช พญานาคศักดิ์สิทธิ์ริมฝั่งแม่น้ำโขง เพื่อขอพรให้พ้นมลทิน ก่อนเข้าไปกราบไหว้ศาลพระภูมิ ด้านหน้าศาลจังหวัดนครพนม เดินขึ้นไปยื่นเรื่องต่อศาลตามกระบวนการ
ครูจอมทรัพย์ กล่าวว่า วันนี้มีกำลังใจดี แม้ต่อสู้มานานกว่า 10 ปี ยังยืนยันว่า ตนไม่ได้ทำผิด ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ตนพร้อมที่จะยอมรับทั้งสองแนวทาง ขึ้นอยู่ที่คำพิพากษาของศาลเป็นที่สุด แต่ในส่วนตัวตนยืนยันไม่ได้เป็นคนขับชน ทุกอย่างได้เบิกความต่อศาลทุกขั้นตอนแล้ว และยังเชื่อมั่นว่า จะได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม ขอขอบคุณหน่วยงานเกี่ยวข้อง รวมถึงกระบวนการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม หน่วยงานตำรวจ หน่วยงานศาล และในวันนี้ได้มีตัวแทนสภาครู จ.สกลนคร มามอบดอกไม้ให้กำลังใจด้วย
จากนั้น ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ก่อนมีคำพิพากษาให้ยกคำร้องของนางจอมทรัพย์ ซึ่งเท่ากับว่ายังคงคำพิพากษาเดิมที่ให้จำเลยมีความผิด มีผลทำให้ไม่ต้องดำเนินกระบวนการรื้อฟื้นคดีอาญาเพื่อพิจารณาใหม่ อีกต่อไป.