สาธารณสุข เผยผลวิจัยคุณค่าโภชนาการในแมลงกินได้ยอตฮิต 8 ชนิดในไทย พบมีโปรตีนคุณภาพดีเทียบเท่าเนื้อหมู เนื้อไก่ ปลาทูนึ่ง และไข่ไก่ แต่เตือนคอเลสเตอรอลค่อนข้างสูง คนเป็นโรคภูมิแพ้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้...
นายแพทย์พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ขณะนี้กระแสความนิยมบริโภคแมลงในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เรื่อยๆ จากเดิมที่ชาวชนบทนิยมนำมาปรุงเป็นกับข้าว แต่ขณะนี้กลายเป็นการบริโภคเป็นอาหารว่าง ซึ่งแต่ละปีมีปริมาณการบริโภคแมลงทุกชนิดหลายร้อยตัน จนกระทั่งมีธุรกิจเพาะพันธุ์แมลงเพื่อนำมาขายทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศ สร้างรายได้ให้ผู้เลี้ยงแมลงส่งขายและผู้นำไปทอดขาย
ข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตร พบว่า ประเทศไทยมีแมลงที่มีคุณค่าอาหารอย่างน้อย 194 ชนิดที่นิยมได้แก่ แมงกินูน แมงกุดจี่ แมงดานา ตัวอ่อนผึ้ง มดแดง ตัวอ่อนของต่อ จิ้งโกร่ง จิ้งหรีด ตั๊กแตน แมลงกระชอน แมลงตับเต่าหรือด้วงติ่ง แมลงเม่า หนอน และดักแด้ไหม โดยมีตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ เป็นแหล่งนำเข้าแมลงจากประเทศเพื่อนบ้านขนาดใหญ่ ก่อนส่งขายไปทั่วประเทศ คาดว่ามีปริมาณนำเข้าไม่ต่ำกว่าวันละ 40 ตัน หรือมูลค่าเกือบสิบล้านบาทต่อวัน
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ศึกษาวิจัยคุณค่าทางโภชนาการของแมลงกินได้ ที่นิยมรับประทานในไทย 8 ชนิดได้แก่ จิ้งโกร่ง จิ้งหรีด ดักแด้ไหม ตั๊กแตนปาทังก้า ตัวอ่อนของต่อ แมลงกินูน แมลงป่อง และหนอนไม้ไผ่ พบว่า แมลงในขนาดน้ำหนัก 100 กรัม จะมีพลังงาน 98-231 กิโลแคลอรี มีโปรตีน 9-28 กรัม ไขมัน 2-20 กรัม คาร์โบไฮเดรต 1-5 กรัม ซึ่งโปรตีนในแมลงทุกชนิดยกเว้นหนอนไม้ไผ่ มีปริมาณเทียบเท่าเนื้อหมู เนื้อไก่ ปลาทูนึ่ง และไข่ไก่ในขนาดน้ำหนักเท่ากัน แมลงที่มีพลังงานและไขมันสูงที่สุดคือ หนอนไม้ไผ่ แมลงที่มีโปรตีนสูงสุด คือ ตั๊กแตนปาทังก้า รองลงมาคือแมงป่อง ส่วนคอเลสเตอรอลพบในจิ้งหรีดมีมากที่สุด มากเท่ากับที่อยู่ในหัวกุ้งสดหรือน่องไก่ในน้ำหนักเท่ากัน ในแมลงป่องมีคอเลสเตอรอลเทียบเท่ากับหนังไก่
ส่วนตั๊กแตนปาทังก้า มีคอเลสเตอรอลเท่ากับขาหมูหรือเนื้อไก่ในขนาดน้ำหนักเท่ากัน ประชาชนจึงต้องระมัดระวังในการบริโภคแมลงเหล่านี้ ในการบริโภคแมลงโดยเฉพาะรับประทานเป็นของว่างควรระมัดระวังอาจจะทำให้ได้รับ พลังงาน ไขมันและคอเลสเตอรอลมากเกินไป เพราะในแมลงแม้จะมีโปรตีนคุณภาพดีพอสมควร แต่มีไขมันที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอยู่ด้วย หากนำแมลงไปทอดในน้ำมัน ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มปริมาณไขมันให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังต้องระวังสารพิษตกค้างที่ปนเปื้อนมากับยากำจัดศัตรูพืชด้วย ตามที่มีข่าวพบผู้มีอาการแพ้หลังบริโภคแมลงทอดอยู่บ่อยๆ ดังนั้น ก่อนนำแมลงมาปรุงอาหารควรล้างให้สะอาด และต้องเป็นแมลงที่ยังมีชีวิตอยู่ก่อนปรุงสุก เนื่องจากหากเป็นแมลงที่ตายแล้วจะระวังยาก เพราะอาจจะตายจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชก็ได้
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว กล่าวต่อว่า หลังจากรับประทานแมลงทอด ส่วนใหญ่ไม่ค่อยพบปัญหา แต่มีบางรายที่อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ หรือมีอาการตาบวม ปากบวมได้ สาเหตุเกิดเนื่องมาจากการได้รับ สารฮีสตามีน (Histamine) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้โดยเฉพาะในรายที่เป็นโรคภูมิแพ้จะ เกิดอาการง่าย สารฮีสตามีนดังกล่าวจะพบในอาหารประเภทโปรตีนที่ผ่านการปรุงมานานหลายวัน เริ่มมีการเน่าเสีย และพบในอาหารที่ไม่สะอาด โดยแบคทีเรียบางชนิด สามารถเปลี่ยนกรดอะมิโน ในโปรตีนที่มีชื่อว่าฮีสติดีน (Histidine) ไปเป็นฮีสตามีน ซึ่งอาการแพ้จะมีแต่เล็กน้อยจนถึงขั้นรุนแรง เสียชีวิต ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และปริมาณอาหารที่ได้รับ ดังนั้น ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานแมลงทอดที่ไม่สะอาด หรือแมลงทอดที่เก็บไว้นานๆ เพราะอาจทำให้ได้รับสารฮีสตามีนปริมาณมาก ส่งผลให้อาการแพ้กำเริบและหากรับประทานมากอาจทำให้เสียชีวิตได้
ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ในส่วนของพ่อค้าแม่ค้าควรเลือกซื้อแมลงที่จะนำมาทอด โดยเลือกจากแหล่งที่เชื่อถือได้ แมลงควรมีความสดใหม่ทุกวัน ไม่นำแมลงที่ตายแล้วมาทอดหรือเอาของเหลือมาอุ่นขาย เนื่องจากอาจทำให้มีสารกระตุ้นภูมิแพ้เกิดขึ้นได้ และควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันทอดซ้ำเกิน 2-3 ครั้ง เพื่อป้องกันสารก่อมะเร็ง
...