นางแบบลูกครึ่งสาวประเภท 2 เข้าร้อง สสจ.เชียงใหม่ ไปฉีดโบท็อกซ์คลินิกความงามชื่อดังแล้วหน้าเบี้ยว หวั่นตัวยาไม่ได้มาตรฐาน พบนำเข้าขนาด 100 ยูนิต แต่ที่ฉีดเป็นขนาด 50 ยูนิต จนท.ลุยตรวจทันที ขณะที่ผู้นำเข้ายืนยันทุกอย่างถูกต้อง...

เวลา 11.00 น.วันที่ 12 มิ.ย. 60 ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ นายมิเชล วีเฮ่ห์ อายุ 35 ปี สาวประเภท 2 มีอาชีพเป็นนางแบบ เป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมัน เดินแบบบนแคตวอล์กในต่างประเทศ ได้เดินทางเข้าพบนายอิศรา นานาวิชิต หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคฯเพื่อให้ตรวจสอบการดำเนินการของคลินิกความงามชื่อดัง โดยเฉพะกรณีนำโบท็อกซ์ ไม่มี อย. มาฉีดให้ลูกค้า เพราะเกรงประชาชนที่มาใช้บริการจะมีอันตรายมากไปกว่านี้  

นายมิเชล ระบุว่า คลินิกดังกล่าว ใช้โบท็อกซ์ ไม่มี อย.มาฉีดให้ โดยมีพนักงานนำโบท็อกซ์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของเกาหลียี่ห้อหนึ่ง ขนาด 50 ยูนิต ในราคา 8,000 บาท มาฉีดให้สร้างความเจ็บปวดบริเวณใบหน้า เจ็บแสบที่ช่วงแก้มและมุมปาก จึงได้ตรวจสอบพบว่าโบท็อกซ์ดังกล่าว ไม่มีเลขทะเบียน อย. จึงกลัวว่าจะเป็นโบท็อกซ์ปลอม นำเข้าจากประเทศอื่น เพราะมีขายในเว็บทั่วไปจำนวนมาก ตนจึงไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานกับ ร.ต.ท.เกชา เนตรชัง พนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง เอาไว้แล้วก่อนหน้านี้

นางแบบลูกครึ่ง กล่าวต่อว่า ตนมีอาชีพเป็นนางแบบต้องทำงานเดินสายทั้งในประเทศและต่างประเทศ แได้ทำศัลยกรรมเสริมความงาม ด้วยการผ่าตัดมาทั้งตัวไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เนื่องจากตนได้ไปฉีดโบท็อกซ์กับสถานเสริมความงามดังกล่าว เพราะเห็นว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง มีดารา นักแสดง รวมถึงประชาชนเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งที่ จ.เชียงใหม่ ก็มีสาขาอยู่ในห้างดัง ตนจึงไปฉีดโบท็อกซ์ เสียค่าใช้จ่ายไป 8,000 บาท

...

หลังจากฉีดเสร็จได้ขอกล่องและขวดที่ใช้กลับมาด้วย ซึ่งทางคลินิกก็ให้มา เมื่อกลับมาถึงบ้านรู้สึกว่าใบหน้าตึงแต่ก็คิดว่าคงจะเป็นเพราะโบท็อกซ์ที่เพิ่งฉีดไป แต่ไม่นานนักก็รู้สึกเจ็บแสบ และเหมือนปากจะเบี้ยว จึงได้นำกล่องและขวดโบท็อกซ์ที่ไปฉีดมานั้น ตรวจสอบในเว็บไซต์ของ อย. พบว่าเป็นผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์นำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่ขนาดที่นำเข้ามาตามที่ระบุใน อย.นั้น เป็นขนาด 100 ยูนิต แต่ที่ตนฉีดไปนั้นเป็นเพียงขนาด 50 ยูนิต ซึ่งไม่ได้ระบุว่ามีการนำเข้า ตนจึงเกิดความกลัวว่าจะมีการแอบนำโบท็อกซ์ที่ไม่คุณภาพมาใช้ ส่งผลกระทบต่อใบหน้าของตน ต่ออาชีพนางแบบที่ทำอยู่ จึงได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.แม่ปิง เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา และในเช้าวันนี้ก็ได้มาแจ้งที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขอีกครั้ง เพื่อขอให้ตรวจสอบว่า โบท็อกซ์ขนาด 50 ยูนิต นี้มีการนำเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

"หากนำเข้ามาอย่างถูกต้องก็ไม่เป็นไร แต่หากไม่ถูกต้องก็อยากให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการกับคลินิกแห่งนี้ ส่วนตัวเองก็คงไม่กลับไปที่คลินิกอีกเพราะกลัว อยากฝากไปถึงหนุ่มสาวที่รักความสวยความงามว่า การจะเข้าไปรักษาที่คลินิกหรือสถานเสริมสวยความงามที่ไหนก็ตาม แม้จะมีชื่อเสียงมากน้อยแค่ไหน ก็อยากให้ตรวจสอบตัวยาที่นำมาใช้ในการรักษาหรือนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้" นายมิเชล กล่าว 

ต่อมา เวลา 13.00น. นายอิศรา นานาวิชิต หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจสอบคลินิกตามที่ระบุถึง ตั้งอยู่ภายในห้างกลางเมืองเชียงใหม่ ซึ่งขณะเข้าตรวจสอบพบพนักงานภายในร้าน 4-5 คน และไม่ได้ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไป ทั้งมีการถ่ายภาพผู้สื่อข่าวที่ไปยืนอยู่บริเวณหน้าคลินิกด้วย

นายอิศรา เปิดเผยว่า เบื้องต้นเพียงแค่มาตรวจสอบว่ามีมาตรฐานในด้านความสะอาด ด้านการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ มีการเก็บรักษาตัวยาที่ใช้ในการรักษาอย่างถูกต้องหรือไม่ มีเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมหรือแพทย์เฉพาะทางด้านการรักษาหรือไม่ เพราะกรณีของโบท็อกซ์ที่ใช้ในการฉีดนั้นต้องอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม และคำร้องเรียนเรื่องการนำโบท็อกซ์ที่มีขนาดยูนิตไม่เท่ากับที่อนุญาตมาใช้ ตอนนี้จึงอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าคลินิกได้รับอนุญาตประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาล จากสำนักงานสธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่หรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขอย่างไรหรือไม่

"ส่วนยาดังกล่าวมีทะเบียนหรือไม่ จากการตรวจสอบชื่อยาในหน้าเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พบว่ายาดังกล่าว มีทะเบียนยา อย่างไรก็ตามหากใช้ยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ มาฉีดให้ผู้ป่วยถือว่าผิดกฎหมายและมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 3,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ทราบว่าโบท็อกซ์ยี่ห้อนี้ มีหลายยูนิต ทั้งแบบ 50, 100 และ 200 หากตรวจพบว่ามีการนำเข้ามาเพียงในขนาด 100 ยูนิต แต่นำขนาด 50 ยูนิต มาให้บริการในด้านความงาม ก็ถือว่ามีความผิด"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการเข้าตรวจสอบที่คลินิกแล้ว ทางบริษัท ที่เป็นผู้นำเข้าก็มีการส่งแฟกซ์มายืนยันว่ามีการนำเข้าขนาด 50 ยูนิต ที่ใช้ฉีดให้กับผู้เสียหาย อย่างถูกต้อง แต่เพื่อความชัดเจน ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างของโบท็อกซ์ที่ใช้ภายในคลินิกมาทำการตรวจสอบ พร้อมกับจะส่งไปให้ทาง อย.ตรวจสอบด้วย จึงต้องรอหนังสือตอบรับอย่างเป็นทางการว่าได้รับอนุญาตตามที่บริษัทฯ ดังกล่าวส่งแฟกซ์มายืนยันจริง หากได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องก็ถือว่าจบกระบวนการด้านการตรวจสอบ ส่วนผู้เสียหายจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับทางผู้เสียหายเอง.

...