หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา จ.เชียงใหม่ เตรียมนำคณะเข้าตรวจสอบที่อยู่ของเสือ สร้างความมั่นใจหลังออกมากัดกินวัว สร้างความมั่นใจให้ชาวบ้าน...

จากกรณีเสือโคร่งลายพาดกลอนตัวใหญ่ โผล่ออกจากป่าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา ใกล้หมู่บ้านห้วยส้าน หมู่ 1 ต.สันทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เข้าไล่กัดกินวัวชาวบ้าน จนเหลือแต่ซาก สร้างความหวาดผวาให้ชาวบ้าน เพราะในรอบหลายสิบปี ไม่เคยปรากฏว่า มีเสืออยู่ในป่าแห่งนี้ จึงได้รวมตัวกันแจ้งให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 ต.ค. ที่ห้องประชุมอำเภอพร้าว จ.เชียงใหม่ นายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา จ.เชียงใหม่ ได้ร่วมประชุมกับฝ่ายปกครอง ตำรวจ และผู้นำชาวบ้านในตำบลสันทราย บริเวณที่ติดกับป่าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา ที่พบเสือออกมากัดกินวัว ซึ่งทางอุทยานฯ เห็นว่า เสือสมควรอยู่คู่กับป่า เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ แต่เมื่อชาวบ้านหวาดผวา เกรงว่าจะมีอันตราย ทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้เข้าตรวจสอบถิ่นที่อยู่ของเสืออีกครั้ง ในวันที่ 3 ต.ค.นี้ โดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งฝ่ายอุทยานฯ ฝ่ายปกครอง และผู้นำชาวบ้าน ให้เข้าไปดูบริเวณป่า เพื่อจะได้มีการดำเนินการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้นำข้อปฏิบัติของศูนย์ข้อมูลจากสถานีวิจัยสัตว์ป่าดอยเชียงดาว ในการเผชิญหน้ากับเสือในป่า มาให้ชาวบ้านได้ปฏิบัติ ในกรณีฉุกเฉิน ดังนี้ กรณีที่พบรอยเท้าเสือ 1.ให้พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า โดยการดูรอยเท้าว่าเสือเดินไปทางทิศไหน 2.ไม่เข้าป่าโดยลำพังคนเดียว ควรจะไปเป็นกลุ่ม และพยายามส่งเสียงดังให้เสือได้ยิน เสือจะหนีไปเอง 3.กรณีเผชิญหน้ากับเสือให้ส่งเสียงดังไล่เสือไป แล้วค่อยๆ เดินถอยหลังออกมาให้ห่างจุดดังกล่าว ไม่ควรวิ่งหนีเสือ ถ้าเป็นเสือปกติจะกลัวคน วิ่งหนีไปเอง และ 4.ไม่ควรใช้อาวุธทำร้ายเสือ เพราะเสือบาดเจ็บจะสู้ และทำร้ายคนได้

ด้านนายวิเชียร ชัยลูน ผู้ใหญ่บ้านห้วยส้าน หมู่ 1 ต.สันทราย อ.พร้าว เปิดเผยว่า ในการประชุมในวันนี้ ชาวบ้านก็ยังยืนกรานกับทางเจ้าหน้าที่ว่า ขอให้นำเสือตัวนี้ออกจากพื้นที่ป่า เพราะชาวบ้านกว่า 7-8 หมู่บ้านอยู่ในอาการหวาดผวา ตอนกลางคืนยิ่งไม่กล้าขี่รถไปไหน อีกทั้งเสือยังได้ทำลายวิถีชีวิตของชาวบ้านที่หากินกับป่าด้วย

นายยศวัตน์ เธียร์สวัสดิ์ หัวหน้าอุทยานฯ เปิดเผยว่า เรื่องนี้จะต้องมีทางออกให้ชาวบ้าน โดยในเช้าวันที่ 3 ต.ค.นี้ จะมีการเข้าไปยังจุดที่เสือออกมากินวัว ซึ่งตนมั่นใจว่าเสือได้กลิ่นคนจนเตลิดเข้าป่าลึกไปแล้ว การจับตัวคงจะยาก เพราะเป็นผืนป่าที่กว้างใหญ่ มีพื้นที่ติดต่อกันถึง 3 อำเภอ ซึ่งการเห็นเสือในผืนป่าแห่งนี้ พบเมื่อปี 2552 ซึ่งนอกจากเสือแล้ว ในป่าแห่งนี้ โดยเฉพาะดอยสูง ยังมีกวางผา หรือม้าเทวดา อาศัยอยู่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีการเข้มงวดเรื่องจับกุมผู้ตัดไม้ทำลายป่าในเขตป่าอุทยานฯ ในแต่ละปีจับกุมได้มาก จนสามารถกู้ผืนป่าให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ได้ เมื่อผืนป่าขยายขึ้นมาและมีการนำวัวเข้าเลี้ยง ก็เหมือนส่งเหยื่อเข้ามาล่อเสือ จึงได้ออกมากัดกินวัว จะเห็นว่าซากวัวที่ถูกเสือกัด ไม่มีการวนเวียนย้อนกลับมากินเหยื่อรอบสอง แสดงว่ามีวัวให้ล่าจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม เพื่อความสบายใจและสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้าน ก็คงจะเข้าไปดูพื้นที่ และสรุปกันอีกทีว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้ชาวบ้านรู้สึกถึงความปลอดภัย

...

ทางด้าน พ.ต.อ.อดุลย์ สมนึก ผกก.สภ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า ขาวเสืออาละวาดในส่วนของตำรวจก็ได้สั่งการให้ออกขับรถตระเวนสร้างความมั่นใจให้ชาวบ้าน แต่จะให้ตำรวจออกไปร่วมล่าเสือก็คงทำไม่ได้ ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่จะดำเนินการ แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้.