แม่ทัพภาคที่ 3 แถลงข่าวกรณีจ่ากองร้อย ทำโทษพลทหารเกินกว่าเหตุ สั่งลงโทษจ่า ขัง 45 วัน งดบำเหน็จ ส่วนผู้บังคับหน่วยฝึกโดนด้วย สั่งให้มาช่วยราชการที่กองทัพภาคที่ 3 เพื่อสอบสวนและพิจารณาลงทัณฑ์ต่อไป  


เวลา 12.30 น. วันที่ 7 สิงหาคม 2567 ที่ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก พล.ท.ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่มีพลทหารสังกัด มทบ.37 จ.เชียงราย ได้ร้องเรียนไปยังเพจ Survive-สายไหมต้องรอด โดยในโพสต์มีข้อความว่า "แอดครับ ผมขอความช่วยเหลือหน่อยครับ ผมเป็นพลทหารอยู่ที่ มทบ.37 จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 67 ช่วงเช้า ผมถูกจ่ากองร้อยทำโทษแบบวิตถาร ด้วยการบังคับให้แก้ผ้ายืนประจานหน้ากองร้อย ให้ทหารทั้งกองร้อยดู จากนั้นจ่าก็สั่งให้ผมคลานไปกับพื้นปูนขณะที่แก้ผ้า จนอวัยวะเพศถูไปกับพื้นปูนถลอก ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นก็สั่งลงโทษผมอีกหลายอย่าง เช่น วิ่งรอบสนาม พุ่งหลัง ลุกนั่ง คลานต่ำม้วนหน้า ฯลฯ โดยไม่ยอมให้ผมใส่เสื้อผ้า เหมือนตั้งใจจะประจานให้ผมอับอาย ทั้งๆ ที่ผมแค่วิ่งมาเข้าแถวช้าไม่ถึง 1 นาที เหมือนเขาหงุดหงิดอะไรมาจากที่อื่น แล้วก็มาหาเรื่องระบายอารมณ์ลงกับพลทหาร #หลังเกิดเหตุ ผมได้นำเรื่องนี้ไปขอความเป็นธรรมกับท่าน ผบ. แต่เรื่องก็เงียบ นอกจากผมจะไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว ผมยังถูกจ่าเขม่นหนักกว่าเดิม ขู่จะซ่อม ขู่จะงดเลิกสิทธิทหารไม่ให้กลับบ้าน ถ้าวันไหนจ่าแกเข้าเวรก็จะซ่อมหรือหาเรื่องแกล้งที่จะซ่อมพลทหารหนักขึ้นกว่าเดิมอีกครับ พวกผมรู้สึกเหมือนพลทหารไม่มีสิทธิพูดหรือเรียกร้องความเป็นธรรมจากกองทัพได้เลย ผมเห็นข่าว #เพจสายไหมต้องรอด ช่วยเหลือพลทหารที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อนๆ เลยให้ผมทักมาขอให้พี่ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้พลทหารอย่างพวกผมด้วยครับ"

...


พล.ท.ประสาน แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ทหารรายดังกล่าวเป็นทหารกองประจำการในสังกัดมณฑลทหารบกที่ 37 จ.เชียงราย จริง ผลจากการสอบสวนในเบื้องต้น พบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 โดยนายทหารชั้นประทวน 1 นาย ซึ่งเข้าสิบเวรประจำวันได้กระทำการลงทัณฑ์ทหารกองประจำการเกินกว่าเหตุ พร้อมกับให้มีการถอดเครื่องแต่งกายออกทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่การลงทัณฑ์ตามแบบธรรมเนียมทหาร จากกรณีดังกล่าว ทหารกองประจำการดังกล่าวได้รายงานให้ผู้บังคับหน่วยฝึกทราบแล้วว่า ถูกลงทัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามระเบียบของกองทัพบก และในวันที่ 5 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้สั่งการให้นายทหารชั้นประทวนคนดังกล่าว งดเข้าเวรรักษาการณ์ไปก่อน และตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง 


จากการกระทำดังกล่าวนั้น ถือว่าเป็นการลงโทษกำลังพลเกินกว่าเหตุที่ขัดต่อวินัยทหารอย่างชัดเจน และเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ที่ได้มอบหมายให้กำกับดูแลกำลังพลในหน่วยให้เรียบร้อยด้วยความยุติธรรม 

"ทางหน่วยต้นสังกัดได้พิจารณาลงโทษกำลังพลนายทหารประทวนดังกล่าว ให้จำขังในเรือนจำทหาร เป็นเวลา 45 วัน พร้อมทำการงดบำเหน็จ สำหรับผู้บังคับหน่วยฝึก กองทัพภาคที่ 3 ได้ออกคำสั่งให้มาช่วยราชการที่กองทัพภาคที่ 3 เพื่อดำเนินการสอบสวนและพิจารณาลงทัณฑ์ต่อไป ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชามณฑลทหารบก ได้เข้าไปดูแลน้องทหารกองประจำการที่ได้รับผลกระทบ และยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมถึงที่สุด ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 3 ได้ให้ความสำคัญกำกับดูแลหน่วยทหารในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่นอกจากจะต้องปฏิบัติตามระเบียบวินัยที่เข้มงวดแล้ว ยังต้องใช้ทักษะในการปกครองบังคับบัญชา และดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้เกิดความเรียบร้อย รวมทั้งได้สั่งการเน้นย้ำไปยังผู้บังคับบัญชาทุกระดับ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวขึ้นได้อีก"