กองกำลังผสมกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง โจมตีค่ายผาซองอย่างหนักหลายระลอก-หวังบุกยึดให้ได้ แต่ถูกทหารพม่าโต้กลับ ส่งเครื่องบินรบทิ้งบอมบ์ทางอากาศ จนแตกกระเจิงล่าถอยหนีเอาชีวิตรอด ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ค่ายผู้ลี้ภัยทิศตะวันออกของเมืองลอยก่อว์ กำลังประสบปัญหาด้านสาธารณสุข เกิดโรคระบาดขาดแคลนยาและเวชภัณฑ์จำนวนมาก
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 67 ฝ่ายประชาสัมพันธ์การสู้รบกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เปิดเผยว่า ตั้งแต่เวลา 06.30 น. วันที่ 11 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา กองกำลังผสมกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ประกอบด้วยกองกำลังกะเหรี่ยงคะยา (KA) กองกำลังป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยงแดง (KNDF) และกองกำลังกะเหรี่ยงกลุ่มดาวแดง (KNPLFZ) นำกำลังรวมกันกว่า 300 นาย แบ่งกำลังออกเป็น 4 ชุด บุกเข้าโจมตีค่ายผาซองของทหารเมียนมา ในเขตพื้นที่ อ.ผาซอง จ.ลอยก่อว์ ซึ่งมีทหารเมียนมาสังกัดกองพันทหารราบที่ 134 และ 135 ประจำการอยู่จำนวนหลายร้อยนาย โดยมีการสู้รบกันอย่างหนักหลายระลอก ทางฝ่ายกองกำลังผสมกะเหรี่ยงได้มีการใช้โดรนร่วมโจมตีทหารเมียนมาอย่างต่อเนื่อง บริเวณบังเกอร์ที่ 3, 4 และ 5 ทำให้ทหารเมียนมาต้องรายงานไปยังกองบัญชาการควบคุมทางยุทธศาสตร์ จ.บอลาแคะ ว่าถูกฝ่ายต่อต้านจำนวนมาก แบ่งกำลังเข้าโจมตีบังเกอร์ 3 แห่ง และมีทีท่าว่าจะต้านทานไม่ไหว จึงได้ร้องขอการสนับสนุนทางอากาศยานโจมตีฝ่ายตรงข้าม
ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ที่ผ่านมา เครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศเมียนมา จำนวน 2 ลำ ได้บินมาทิ้งระเบิดโจมตีฝ่ายกองกำลังผสมกะเหรี่ยง ที่เกาะติดบริเวณรอบๆ ค่ายผาซองของทหารเมียนมา จนทำกองกำลังกลุ่มกะเหรี่ยงได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง จากการทิ้งบอมบ์ทางอากาศของเครื่องบินรบทหารเมียนมา จนล่าถอยออกจากการประชิดค่ายผาซองเพื่อเอาชีวิตรอด ทั้งที่เกือบรุกคืบเข้าโจมตีได้บางส่วน
...
สำหรับค่ายผาซองของทหารเมียนมา เป็นค่ายทหารเมียนมาแห่งสุดท้ายทางตอนใต้ของรัฐคาเรนนี หรือรัฐคะยา ที่ทางกองกำลังติดอาวุธกลุ่มกะเหรี่ยง พยายามบุกยึดและมีการสู้รบกับทหารเมียนมาค่ายผาซองมาแล้วกว่า 3 เดือน โดยทางกองทัพเมียนมาพยายามสู้อย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามยึดได้โดยง่าย ถึงแม้จะมีการบาดเจ็บและสูญเสียทหารจากการโจมตีของฝ่ายต่อต้าน แต่ทางทหารเมียนมาโดยกองบัญชาการควบคุมทางยุทธศาสตร์ จ.บอลาแคะ ได้พยายามให้การสนับสนุนกำลังเสริมและอาวุธยุธโทปกรณ์ ให้แก่ค่ายผาซองทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้ เฮลิคอปเตอร์ของทหารเมียนมาเคยถูกฝ่ายต่อต้านยิงตกในพื้นที่ดังกล่าวมาแล้ว 1 ลำ
สำหรับสงครามกลางเมืองในเมียนมาปัจจุบัน ยังคงทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในทุกรัฐทุกภาคในประเทศ ล่าสุดที่เมืองปินเลบูเฮลิคอปเตอร์ทางทหารของรัฐบาลเมียนมาได้บินมารับครอบครัวของเหล่าทหารในเมืองดังกล่าวออกจากพื้นที่สู้รบ ซึ่งถูกฝ่ายต่อต้านใช้โดรนทิ้งระเบิดเข้าใส่จนได้รับความเสียหาย และเหล่าครอบครัวทหารได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ผู้ลี้ภัยชาวคาเรนนีในค่ายลี้ภัยแห่งหนึ่ง ด้านทิศตะวันออกของเมืองลอยก่อว์ กำลังประสบกับปัญหาด้านสาธารณสุข เมื่อพบว่ามีเด็กอายุไม่เกิน 5 ขวบ จำนวนมาก เกิดอาการมีแผลที่บริเวณผิวหนังจนกลายเป็นสีดำ คาดว่าสาเหตุมาจากน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภคไม่สะอาดและมีสิ่งปนเปื้อน นอกจากนี้ผู้ลี้ภัยจำนวนมาก ยังป่วยเป็นไข้มาลาเรียและอหิวาตกโรคอีกด้วย ซึ่งพวกผู้ลี้ภัยเหล่านี้ กำลังขาดแคลนยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก