ระทึก เพลิงไหม้ย่านตลาดดอกไม้กลางเมืองเชียงใหม่ในคืนลอยกระทง ผู้เสียหายเผยมีโคมลอยกระทงตกใส่จนเกิดไฟลุกไหม้ ด้าน "พ่อเมือง" สั่งห้ามใช้อาคาร พร้อมเร่งหาสาเหตุด่วน พบวอด 9 คูหา อาคารทุกห้องมีอายุกว่า 100 ปี ประเมินค่าเสียหายร้อยกว่าล้าน

เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 28 พ.ย. 66 เกิดเหตุเพลิงไหม้ย่านการค้าเก่าแก่ของเมืองเชียงใหม่ โดยผู้เสียหายอ้างว่ามีคนเห็นโคมลอยตกใส่หลังคาจนเกิดไฟลุกไหม้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครเชียงใหม่ จะนำรถดับเพลิงและรถน้ำกว่า 10 คันเข้าระงับเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ บริเวณตลาดดอกไม้ริมปิง ถนนไปรษณีย์ ต.ช้างม่อย อ.เมืองเชียงใหม่ โดยเพลิงได้ลุกลามอย่างหนัก อาคารเสียหายกว่า 6 คูหา เจ้าหน้าที่ต้องระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิงนานร่วม 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

ในช่วงเวลา 05.00 น. ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าและชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง พากันขนของหนีไฟ เพราะเกรงว่าไฟจะลุกลามมา แม้ว่าเพลิงจะเริ่มสงบลงแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังคงระดมฉีดน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันเพลิงที่อาจจะกลับมาลุกลามได้อีกครั้ง พร้อมทั้งตรึงกำลังเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง

จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า อาคารหลังดังกล่าวเป็นอาคารสองชั้นเก่าแก่ อายุกว่า 100 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เปิดเป็นร้านขายของภายในตลาด โดยเพลิงได้ลุกไหม้อาคารเสียหายจำนวน 6 คูหา ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง ส่วนค่าเสียหายในเบื้องต้นคาดว่าน่าจะสูงถึง 100 ล้านบาท

หนึ่งในเจ้าของตึกคูหารายหนึ่ง อายุ 56 ปี เล่าว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณตี 3 ได้ยินเสียงชาวบ้าน ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในตึก ตะโกนว่าเกิดไฟไหม้ ตอนนั้นนอนหลับอยู่ที่ห้องที่อยู่ใกล้เคียงกับตึกที่เปิดเป็นร้านขายของ ตนกับสามีจึงรีบตื่นมาดูก็พบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างหนักจนต้องพากันวิ่งหนีออกมา ไม่ทันได้ขนข้าวของออกมา

...



สำหรับร้านของตนเองเปิดขายของมานานกว่า 25 ปี และอาคารหลังดังกล่าวก็มีอายุมากกว่า 100 ปี ส่วนสาเหตุนั้นยังไม่ทราบว่ามาจากสาเหตุใด แต่ยังโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ขณะที่นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ลงพื้นที่พร้อมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสำรวจความเสียหายและหาสาเหตุของเพลิงไหม้ โดยระบุว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าต้นเพลิงเกิดจากด้านหลังของตัวอาคารพาณิชย์คูหาที่สามก่อนลุกลามขยายวงกว้าง อาคารแต่ละคูหามีสินค้าเบ็ดเตล็ดและเสื้อผ้าเก็บไว้จำนวนมากและเสียหายไปทั้งหมด มูลค่าความเสียหายคาดว่าจะประมาณ 100 ล้านบาท ไม่รวมกับความเสียหายของตัวอาคาร ส่วนที่มีชาวบ้านให้ข้อมูลว่ามากจากโคมลอยตกใส่ ตอนนี้ยังยืนยันหรือระบุสาเหตุไม่ได้ต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบอย่างละเอียด



สำหรับตัวอาคารที่ได้รับความเสียหาย 1,400 ตารางเมตร ได้สั่งปิดพื้นที่ไม่อนุญาตให้ใช้อาคารและห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปเพื่อความปลอดภัย โดยจะต้องรอให้วิศวกรจากโยธาธิการและผังเมืองเข้าตรวจสอบก่อน หากไม่สามารถซ่อมแซมได้จะต้องสั่งรื้อถอนตามกฎหมาย

นายบดินทร์เดช ต้วนเจริญ เจ้าของร้าน 888 เฉินค้าส่ง ที่อยู่คูหาสุดท้ายติดกับศาลเจ้า เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุประมาณตีสองครึ่ง แฟนสาวนอนอยู่ในร้านคนเดียว มีคนมาเคาะประตูร้านบอกว่าไฟไหม้จึงรีบวิ่งหนีออกมาดูก็พบว่าเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จึงรีบวิ่งหนีตายออกมา โดยมีสินค้าที่เก็บไว้ชั้นสองเสียหายจำนวนมาก มูลค่าราวสิบล้านบาท หลังจากนี้ก็ยังมืดแปดด้านเพราะร้านไม่ได้ทำประกันไว้ ส่วนสาเหตุเชื่อว่าจะมาจากโคมลอยที่ลอยปล่อยในคืนยี่เป็งเพราะมองเห็นไฟไหม้จากด้านบนตัวอาคาร หากไหม้จากข้างล่างอาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือสาเหตุอื่นได้ แต่สุดท้ายก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่หาสาเหตุ

ด้านนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ โดยได้ลงมาติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่เสี่ยงชีวิตเข้าดับเพลิงในครั้งนี้ ส่วนเจ้าของบ้านที่มาดูจุดเกิดเหตุ และได้ให้กำลังใจหลายคนอยู่ในอาการเสียใจและตกใจอย่างมากในตอนนี้ โดยผู้ว่าฯ ลงเดินไปตรวจสอบโดยรอบพื้นที่ทั้งหมดทั้งจุดที่เป็นอาคาร 9 คูหา ด้านหลังอาคารที่เป็นบ้านไม้ซึ่งวอดเสียหายทั้งหมด รวมทั้งพื้นที่โดยรอบ ทั้งศาลเจ้าปุงเถ่ากง บ้านเรือนประชาชน และฝั่งของพิพิธภัณฑ์ไปรษณีย์ไทยที่อยู่ติดกัน ก่อนที่จะรอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความเสียหายโดยละเอียดอีกครั้ง

...

โดยขณะที่ผู้ว่าฯ ลงพื้นที่นั้นได้มีหญิงคนหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ) ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหนึ่งในคูหาที่ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด กล่าวกับผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าตนเองได้รับทราบจากชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์บอกว่าสาเหตุของเพลิงไหม้นั้นมาจากโคมลอยที่ตกใส่หลังคา ซึ่งหลังคาส่วนใหญ่เป็นไม้ทำให้ไฟลุกลามรวดเร็ว ตนเอะใจและรู้สึกสังหรณ์ใจแต่แรกแล้วเพราะช่วงกลางคืนก่อนที่ะกลับบ้านพบว่ามีคนฝ่าฝืนเล่นโคมลอย ในพื้นที่ริมแม่น้ำปิง และบนสะพานนวรัตน์ จำนวนมากทั้งๆ ที่เป็นเขตห้ามเล่น ห้ามปล่อยโคมลอยทุกชนิด กลัวว่าจะไปตกใส่หลังคาและเกิดไฟไหม้ แต่ก็ไม่คิดว่าตนเองจะกลายมาเป็นเหยื่อเสียเอง ตอนนี้ทรัพย์สินเสียหายทั้งหมดแทบหมดตัวเลยในตอนนี้ ซึ่งไม่ควรจะมีคนมาปล่อยในเขตตัวเมืองเช่นนี้

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้มาติดตามความคืบหน้าตอนนี้ต้องกันพื้นที่ไว้เพื่อความปลอดภัย เบื้องต้นรอสรุปความเสียหายโดยละเอียดอีกครั้ง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่ามาจากสาเหตุอะไรต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าทำการตรวจสอบหาสาเหตุโดยละเอียดอีกครั้งถึงจะระบุได้ว่ามาจากสาเหตุใด ส่วนเรื่องของโคมลอยนั้นยืนยันว่าในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ ทุกพื้นที่สั่งห้ามปล่อยโคมลอยเด็ดขาด และมีการส่งเจ้าหน้าที่ตรวจตราและมีการตักเตือนห้ามปรามกันตามจุดที่มีผู้คนออกมาท่องเที่ยวกันอยู่ตลอดทั้งคืน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้แม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดจากโคมลอยหรือไม่ แต่ต้องขอความร่วมมือไม่จุดไม่เล่นโคมลอยดีที่สุด

...