"ปลัดจอมแฉ" มั่นใจหลักฐานหลังอัยการสั่งฟ้อง "ฌอน" คดีรับบริจาคเงินช่วยเหลือเจ้าหน้าที่อาสาดับไฟป่าดอยสุเทพ หลังมีเจ้าหน้าที่เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมเมื่อ 3 ปีก่อน  

 

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 66 จากกรณีที่ "ฌอน บูรณะหิรัญ" ถูกอัยการจังหวัดนนทบุรี สั่งฟ้องในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ปมเงินบริจาคช่วยเหลือไฟป่าที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้เสียหายที่เข้าร้องเรียนได้รวมตัวกันเมื่อ 3 ปีก่อน ต่างได้รับหมายเรียกจากศาลเพื่อเป็นพยาน และพร้อมที่จะไปเป็นพยานทุกคนในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ เวลา 13.30 น. 

 

โดยเรื่องราวย้อนไปเมื่อ (23 มิ.ย. 63) ฌอน บูรณะหิรัญ โพสต์คลิปในเฟซบุ๊ก ระบุว่า มาปลูกต้นไม้กับ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยในคลิปฌอนได้พูดถึง พล.อ.ประวิตร ว่า พอเจอตัวจริงเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก อย่าเพิ่งตัดสินใครจนกว่าเราจะได้เจอตัวเขาจริงๆ และสัมผัสเขา ซึ่งคำพูดดังกล่าวทำให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความผิดหวัง เหตุมองว่าฌอนสนับสนุนเผด็จการทหาร ส่งผลให้ชื่อของฌอนขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่งทันที

...

 

ก่อนเรื่องราวจะบานปลายลามไปเรื่องเงินบริจาคไฟป่า มีการขุดว่าในเดือนมีนาคม 2563 ฌอนได้เปิดรับเงินบริจาคเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่สู้กับไฟป่าดอยสุเทพ โดยเปิดให้คนโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง แต่ภายหลังเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าตัวจริงได้ออกมาตั้งคำถามว่า แล้วเงินบริจาคอยู่ไหน ฌอนไม่เคยมีการเปิดเผยยอดบริจาค และไม่เคยได้รับสิ่งของจากฌอนเลย ต่อมาฌอนก็ออกมาชี้แจง แต่ยิ่งทำให้เรื่องบานปลาย เพราะเงิน 1 ใน 3 ของยอดบริจาค ถูกนำไปใช้เป็นค่าผลิตสื่อและโปรโมตโพสต์ รวมทั้งนำเงินไปช่วยโควิด-19 ซึ่งถูกมองว่าผิดจุดประสงค์ในการขอรับบริจาค

 

ต่อมาตัวแทนกลุ่มเจ้าหน้าที่อาสาสมัครดับไฟป่า ผู้นำชุมชนในพื้นที่ อ.แม่ริม ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม อ.แม่ริม ในขณะนั้น นำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งโพสต์ชวนบริจาค หลักฐานการโอนเงินของชาวบ้าน รายการเดินบัญชีเงินเข้า-ออกธนาคาร รวมทั้งหนังสือจากหน่วยงานที่ยืนยันว่า ไม่เคยได้รับเงินบริจาคจากฌอนแต่อย่างใด 

 

หลังจากรวบรวมข้อมูลหลักฐาน ทำให้ตัวแทนผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี 3 ข้อหา ได้แก่ ความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์, พระราชบัญญัติการเรี่ยไร และฉ้อโกงประชาชนที่ สภ.แม่ริม ก่อนจะถูกโอนคดีไปที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จนกระทั่งอัยการสั่งฟ้องดังกล่าว 


นายบุญญฤทธิ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขา จ.เชียงใหม่ บอกว่า เชื่อมั่นพยานหลักฐานทั้งหมด หลังจากที่มีการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดให้กับพนักงานสอบสวน สภ.แม่ริม ซึ่งเรื่องดังกล่าวจากการตรวจสอบพบว่า มีการโอนเงินบริจาคจากประชาชนเข้าบัญชีของฌอน ทั้งสิ้นกว่า 1.45 ล้านบาท ซึ่งมีการโอนต่อไปยังบัญชีส่วนตัวของฌอนและใช้จ่ายต่างๆ ที่ทำให้เกิดความน่าสงสัยว่า อาจจะมีการนำไปใช้ไม่ถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค ขณะเดียวกันก็มีผู้เสียหายและผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูล จนได้ข้อสรุปเป็นที่น่าเชื่อถือได้ จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.แม่ริม เมื่อสามปีก่อน.