อ.พบพระ จ.ตาก เป็นพื้นที่เกษตรสำคัญของบ้านเรา ด้วยความได้เปรียบด้านสภาพพื้นที่ ดินที่อุดมสมบูรณ์ แม้จะใช้ปลูกพืชเชิงเดี่ยวมาอย่างยาวนาน แต่กลับยังคงความสมบูรณ์อยู่ ทำให้เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าที่อื่น อีกทั้งยังมีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เนื่องจากอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 500-600 เมตร ที่สำคัญแรงงานราคาถูก จึงทำให้คนต่างถิ่นย้ายถิ่นฐานขึ้นไปทำเกษตรที่พบพระกันเป็นจำนวนมาก

“ที่นี่เคยเป็นแหล่งใหญ่ของการปลูกกุหลาบ แต่วันนี้พื้นที่ปลูกลดลงไปมาก จากราคาที่ตกต่ำ แต่ยังถือเป็นแหล่งใหญ่อยู่ มีการปลูกพืชมากมายตลอดสองข้างทาง พืชเศรษฐกิจหลักที่มีพื้นที่ปลูกมากที่สุดคือทุเรียน เพราะได้ราคาค่อนข้างดี ชุดแรกๆของที่นี่อายุ 6-7 ปี ตอนนี้จึงเก็บผลผลิตกันได้แล้ว อะโวคาโดเป็นพืชอีกชนิดที่ปลูกกันมาก จนกลายเป็นแหล่งปลูกอะโวคาโดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อีกพืชที่โดดเด่นของที่นี่คือ กล้วยหอมทอง ที่ปลูกกันมาก เพราะดูแลง่าย ให้ผลตอบแทนดี มีคนรับซื้อในพื้นที่ เพื่อส่งป้อนให้กับเซเว่น ส่วนพืชผักก็มีล้งรับซื้อเปิดรับซื้อ พบพระจึงเสมือนเป็นมหานครแห่งการเกษตรที่ไม่เคยหลับใหล”

...

เรวัฒน์ โตเลี้ยง เจ้าของสวนมาลัยทอง อ.พบพระ จ.ตาก อธิบายถึงความโดดเด่นของมหานครแห่งการเกษตรที่ไม่เคยหลับใหล...สวนแห่งนี้คุณพ่อมาบุกเบิกตั้งแต่ปี 2539 โดยชวนเพื่อนจาก จ.นครปฐม มาปลูกกุหลาบบนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ต่อมาเมื่อราคากุหลาบไม่ดี จึงเจียดพื้นที่มาปลูกพืชอีกหลายชนิด จนปัจจุบันปลูกทุเรียนทั้งหมด 100 ไร่ อะโวคาโดกว่า 70 ไร่ ที่เหลือยังคงปลูกกุหลาบและพืชอื่นแซม

เจ้าของสวนมาลัยทอง เล่าต่อไปว่า ทุเรียนที่นี่มีความได้เปรียบตรง ผลผลิตจะออกช้ากว่าที่อื่น ให้ผลผลิตเยอะช่วง ส.ค.-ต.ค. ในขณะทุเรียนภาคตะวันออกกับภาคใต้หมดแล้ว จะมีแค่ยะลาที่จะออกในช่วงนี้ ทำให้มีล้งทั้งจากจันทบุรีและชุมพร ย้ายมาปักหลักเปิดล้งรับซื้อเพื่อส่งออก

คนปลูกทุเรียนส่วนใหญ่เป็นชาวสวนที่เคยปลูกกุหลาบมาก่อน คนพื้นที่เองปลูกกันระดับ 40-50 ไร่ แม้แต่ชาวเขาเผ่าม้งตอนนี้ยังหันมาปลูกทุเรียน เรียกว่ามองไปทางไหนตอนนี้ มีแต่สวนทุเรียนตลอดเส้นทาง รวมๆแล้วน่าจะเกิน 10,000 ไร่

ส่วนอะโวคาโด จะมีทั้งพันธุ์บัคคาเนีย บูท 7 แฮส และพันธุ์เด่นของที่นี่คือ มาลัยทอง เป็นพันธุ์พื้นเมืองที่กลายพันธุ์เป็นอะโวคาโดผลโต อร่อย สีสวย หวาน มัน กลมกล่อม และกำลังโด่งดังในวงการอะโว คาโด จัดเป็นพืชที่มีต้นทุนการดูแลต่ำมาก ปลูกง่าย ปีหนึ่งใส่ปุ๋ยแค่ 3-4 ครั้ง แมลงศัตรูพืชก็ไม่มาก และให้ผลผลิตสูง ติดดกทุกต้น แต่ละปีเก็บผลผลิตได้กว่า 100 ตัน ที่สำคัญไม่ต้องห่วงเรื่องตลาด เพราะมีแม่ค้าจากตลาดไทมารับซื้อผลผลิตถึงหน้าสวน อีกทั้งยังสามารถขายออนไลน์ได้ เนื่องจากผลไม่บอบช้ำง่าย เลยทำให้มีการขยายพื้นที่ปลูก จนกลายเป็นแหล่งปลูกอะโวคาโดใหญ่สุดของประเทศหรือกว่า 7,000 ไร่ และมีแนวโน้มขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หากอยากไปสัมผัสไอหมอก เยี่ยมชมแหล่งผลิตทุเรียนและอะโวคาโดแหล่งใหญ่ระดับประเทศ ทางชมรมสื่อเกษตรดิจิทัลและเอสเอ็มอีไทย ได้จัดทัวร์เกษตรเพื่อพาทุกท่านไปชม ไปชิมผลไม้ที่นี่กันถึงถิ่น นอกจากนี้ยังมีสวนที่น่าสนใจอีก นั่นคือ สวนมะละกอฮอลแลนด์ ที่มีการปลูกกันมากที่นี่เช่นกัน ช่วงนี้เป็นช่วงที่มะละกอราคาแพงมาก รวมทั้งสวนกล้วยหอมทองของไร่ภักดี ไปชิมเงาะสดๆจากต้น ชมวัดสวยๆ สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวพบพระกัน สนใจสอบถามที่ 08-9783-5887, 09-3697-1456.

...

กรวัฒน์ วีนิล

คลิกอ่าน "ข่าวเกษตร" เพิ่มเติม