"มนัญญา" เปิดโครงการขับเคลื่อนนโยบายการผลิตและการตลาดสินค้าเกษตร ผ่านกลไกสหกรณ์ พร้อมมอบอุปกรณ์การตลาด 89 ล้านบาท แก่สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม พร้อมหนุนสหกรณ์ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพิ่มรายได้ให้แก่สมาชิก


เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 65 ที่ จ.พิษณุโลก นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิด “โครงการขับเคลื่อนนโยบายการผลิตและการตลาดสินค้าเกษตรผ่านกลไกสหกรณ์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” พร้อมเป็นสักขีพยานการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ด้านการให้ความรู้เทคโนโลยีการผลิต การดูแลบำรุง และการตลาด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ระหว่างสหกรณ์กับภาคเอกชน โดยมี นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าฯ พิษณุโลก นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ผู้บริหารกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายเกรียงศักดิ์ รสดี ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด หัวหน้าส่วนราชการ เกษตรกร สมาชิกสหกรณ์เข้าร่วม ว่า กระทรวงเกษตรฯ มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์และสถาบันเกษตรกร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะช่วยให้เกษตรกรมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น โดยอาศัยความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งโครงการขับเคลื่อนนโยบายการผลิตและการตลาดสินค้าเกษตรผ่านกลไกสหกรณ์ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้การพัฒนาการขับเคลื่อนนโยบายการผลิต โดยมุ่งเน้นการพัฒนาความเข้มแข็ง การพัฒนาเครือข่ายสินค้าสหกรณ์ การสนับสนุนอุปกรณ์การตลาดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับสินค้าสหกรณ์ รวมทั้งส่งเสริมสหกรณ์มีบทบาทการจัดการผลผลิตและการจัดการตลาดให้กับผลผลิตของสมาชิกให้มีคุณภาพ ส่งเสริมให้สถาบันเกษตรกรเป็นแหล่งรวบรวมผลผลิตของเกษตรกรเพื่อให้สินค้าเกษตรมีตลาดรองรับที่แน่นอนในราคาที่เป็นธรรม ซึ่งสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด ได้เข้าร่วมโครงการต่างๆ กับกรมส่งเสริมสหกรณ์

...



“กระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา โดยมุ่งหวังจะใช้เป็นโมเดลในการปฏิรูปภาคการเกษตร โดยการสนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่การปลูกข้าวเป็นการปลูกพืชชนิดอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เพื่อสร้างโอกาสให้เกษตรกรสมาชิกมีรายได้จากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่สูงขึ้น ซึ่งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นพืชทางเลือกที่ใช้น้ำน้อย และแนวโน้มตลาดในประเทศยังมีความต้องการสูง สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้เกษตรกรปลูกพืชทดแทนเพื่อมีรายได้เสริมหลังการทำนา อย่างไรก็ตามเมล็ดพันธุ์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืชของเกษตรกร ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้ผลิตเมล็ดพันธุ์ดี และให้กรมส่งเสริมสหกรณ์นำไปขยายให้สมาชิกสหกรณ์เพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง อีกทั้งในวันนี้ยังได้มีการลงนาม MOU ร่วมกันระหว่างสหกรณ์กับภาคเอกชน เพื่อให้มีการรับซื้อที่แน่นอน ทั้งนี้ ประเทศไทยยังมีการนำเข้าถั่วเหลือง ข้าวโพดจำนวนมาก จึงต้องกลับมาดูว่าจะสนับสนุนให้เกษตกรเพิ่มศักยภาพการผลิตได้อย่างไร เพื่อลดการนำเข้า และเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต” รมช.เกษตรกล่าว

นอกจากนี้ น.ส.มนัญญา ยังได้มอบอุปกรณ์การตลาดให้กับสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างการผลิต การรวบรวม และการแปรรูปของสถาบันเกษตรกรรองรับผลผลิตทางการเกษตร จำนวน 6 แห่ง จำนวนเงินรวม 89,438,560 บาท และมอบเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ให้กับสหกรณ์ในจังหวัดพิษณุโลก จำนวนเงิน 107,911,000 บาท พร้อมทั้งเป็นประธานพิธีเปิดไซโลเป่าลมเย็น จากนั้น ได้เยี่ยมชมนิทรรศการของสหกรณ์ หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน การจัดนิทรรศการ และจำหน่ายสินค้าโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้านสานต่ออาชีพการเกษตร ตลอดจนเยี่ยมชมแปลงปลูกพืชหลังนาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และถั่วเขียวของนายเกรียงศักดิ์ รสดี สมาชิกสหกรณ์ พื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 7 ไร่ และพื้นที่ปลูกถั่วเขียว 3 ไร่ โดยได้รับสนับสนุนเมล็ดพันธุ์จากศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชพิษณุโลก



ทั้งนี้ สหกรณ์ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกที่ได้รับอุปกรณ์การตลาด ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์อุดหนุนผ่านโครงการปรับโครงสร้างการผลิต การรวบรวม และการแปรรูปของสถาบันเกษตรกรรองรับผลผลิตทางการเกษตร มีดังนี้ 1. สหกรณ์วัดจันทร์ จำกัด (เครื่องชั่งรถบรรทุก) จำนวนเงิน 1,700,000 บาท 2. สหกรณ์การเกษตรชาติตระการ จำกัด (รถแทรกเตอร์) จำนวนเงิน 1,788,000 บาท 3. สหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด (รถแทรกเตอร์ เครื่องอบลดความชื้น) จำนวนเงิน 32,987,660 บาท 4. สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด (รถไถเดินตาม รถแทรกเตอร์ ไซโลเป่าลมเย็น ลานตาก) จำนวนเงิน 45,297,900 บาท 5. สหกรณ์ผู้ใช้น้ำชลประทานวัดพริก จำกัด (ลานตาก) จำนวนเงิน 1,920,000 บาท และ 6. สหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านตะแบกงาม จำกัด (โกดัง เครื่องชั่งรถบรรทุก) จำนวนเงิน 5,745,000 บาท

สำหรับสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด เกิดขึ้นจากการรวบรวมของ 3 สหกรณ์ฯ เดิมในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรพรหมพิรามหนึ่ง จำกัด สหกรณ์การเกษตรพรหมพิรามสอง จำกัด และสหกรณ์การประมงพิษณุ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2517 ณ วันสิ้นปีทางบัญชี 31 มีนาคม 2565 มีสมาชิกทั้งสิ้น 3,383 ราย มีทุนดำเนินงานทั้งสิ้น จำนวน 907,325,901 บาท สหกรณ์มีการดำเนินธุรกิจ 5 ด้าน ปริมาณธุรกิจรวมทั้งสิ้น 346,286,026.91 บาท ประกอบด้วย ธุรกิจสินเชื่อจำนวน 116,935,400 บาท ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย จำนวน 30,856,072.43 บาท ธุรกิจรวบรวมผลผลิต จำนวน 73,555,866 บาท ธุรกิจแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จำนวน 17,413,765 บาท และการรับฝากเงิน จำนวน 107,524,923.48 บาท ผลการดำเนินงานมีกำไรสุทธิ 16,103,364012 บาท ประกอบด้วยธุรกิจสินเชื่อจำนวน 116,935,400 บาท ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย จำนวน 30,856,072.43 บาท ธุรกิจรวบรวมผลผลิต จำนวน 73,555,866 บาท ธุรกิจแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จำนวน 17,413,765 บาท และการรับฝากเงิน จำนวน 107,524,923.48 บาท

...



ทั้งนี้ จังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่เกษตรกรรม 3,387,938 ไร่ เกษตรกร 102,317 ครอบครัว อาชีพการเกษตร ส่วนใหญ่ทำนาปี 1,476,708 ไร่ ทำนาปรัง 429,792 ไร่ ปลูกข้าวโพดฤดูฝน 201,824 ไร่ ปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา 58,402 ไร่ ยางพารา 338,422 ไร่ มันสำปะหลัง 193,533 ไร่ สำหรับโครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดพืชหลังนา ปีการผลิต 2565/2566 มีสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 108 แห่ง ในพื้นที่ 27 จังหวัด พื้นที่เพาะปลูก 123,264 ไร่ สมาชิกได้รับประโยชน์ 11,065 คน.