ภาคเหนือเผชิญมลพิษ คุณภาพอากาศใน 13 จังหวัดภาคเหนือเกินค่ามาตรฐาน กระทบต่อสุขภาพ ขณะที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พุ่ง 176 มคก./ลบ.ม. ขณะที่ กองทัพภาคที่ 3 ส่ง ฮ.MI-17 บินทิ้งน้ำช่วยดับไฟป่า

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 65 กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่งเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ MI-17 บินดับไฟป่าที่บ้านวังขุมเงิน หมู่ 10 ต.แม่แฝกใหม่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ หลังจากเกิดไฟป่าในพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมาและยังไม่สามารถดับและควบคุมพื้นที่ได้ โดยบรรทุกน้ำจากเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด เข้าดับไฟช่วยเหลือ นอกจากนี้ชุดดับไฟจากมณฑลทหารบกที่ 33 จำนวน 10 นาย ยังถูกส่งเข้าพื้นที่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งทำแนวกันไฟเพื่อจำกัดพื้นที่ของไฟป่า

สำหรับเฮลิคอปเตอร์ แบบ MI-17 ของกองทัพบก เป็นเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงขนาดกลาง ผลิตในรัสเซีย เข้าประจำการในกองทัพ เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา มีหลายภารกิจนอกเหนือจากงานด้านการทหาร อาทิ การลำเลียง 13 ชีวิต นักฟุตบอลหมูป่าที่ติดถ้ำขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย การช่วยเหลือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด และการมาช่วยดับไฟป่า พื้นที่ภาคเหนือในครั้งนี้

...

มีรายงานว่านับตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพถ่ายดาวเทียมพบจุดความร้อนจากการเผาป่าเพิ่มมากขึ้น ทำให้หมอกควันปกคลุมหลายจังหวัดทางภาคเหนือ ขณะที่ในวันนี้คุณภาพอากาศใน 13 จังหวัดภาคเหนือเกินค่ามาตรฐานและมีผลกระทบต่อสุขภาพ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา ตาก อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยที่จังหวัดเชียงใหม่ในเวลา 15.00 น.วันที่ 3 มี.ค.65 ที่สถานีวัดคุณภาพอากาศบ้านแกน้อย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ วัดค่า PM 2.5 ได้ถึง 176 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 64 – 2 มีนาคม 65 เกิดจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 13,928 จุด แต่หากเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ฮอตสปอตลดลง 22,466 จุด หรือ คิดเป็น 61.73 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 3 พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการ 17 จังหวัดภาคเหนือ ประกาศงดการเผาในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 มีนาคม 65 เพื่อลดปริมาณหมอกควันในพื้นที่.