ใกล้ความจริง อดีต ส.ส. กำแพงเพชร ยันที่ดินพิพาท ที่มีคนไปร้องศูนย์ดำรงธรรมวว่าเป็นทางสาธารณะ มีกรรมสิทธิ์ ซื้อมาถูกต้อง เผยให้ชาวบ้านสัญจรมานาน ขณะที่ฝ่ายผู้ร้องยังยืนยัน อยู่มาเกือบ 30 ปี เส้นทางนี้อย่างไรก็เป็นทางสาธารณะ ไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวใดๆ

จากกรณีเมื่อวันที่ 17 ก.ย. เวลา 14.00 น. ที่ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดกำแพงเพชร น.ส.สุนีย์ เฉื่อยฉ่ำ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 696/4 หมู่ 5 ต.คลองน้ำไหล อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร พร้อมด้วย นายณารากร เฉื่อยฉ่ำ อายุ 42 ปี หลานชาย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.กำแพงเพชร เรื่องขอใช้ทางสาธารณะ ซึ่งอยู่ติดกับรั้วหลังบ้านเพื่อจะนำเอารถยนต์เข้าออก ภายในบริเวณหลังบ้านโดยการทุบกำแพงรั้วด้านหลังบ้านให้ทะลุออกมาสู่ถนนสาธารณะดังกล่าว แต่กลับถูก นายสำราญ ศรีแปงวงค์ อดีต ส.ส.ในพื้นที่ ไม่ยอมให้ใช้เส้นทางโดยกล่าวอ้างว่าเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลไม่อนุญาตให้ใช้เส้นทางนี้เป็นทางเข้าออก ขณะที่ผู้ร้องเรียนได้แจ้งในหนังสือร้องเรียน ยืนยันว่าเส้นทางดังกล่าวเป็นทางสาธารณะ ซึ่งเปิดใช้มานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยผู้ร้องเพียงแค่ต้องการเปิดกำแพงรั้วด้านหลังเป็นทางเข้าออกของรถยนต์ โดยมีว่าที่ร้อยตรี กัมพล คำเมฆ จนท.สืบสวนสอบสวน ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกำแพงเพชร เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน พร้อมแจ้งว่าจะเร่งดำเนินการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้ตรวจสอบถึงกรณีที่เกิดขึ้น

...

ต่อมาวันที่ 20 ก.ย. เวลา 14.30 น. ศูนย์ดำรงธรรม อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร พร้อมปลัดอำเภออาวุโส ตัวแทน อบต.คลองน้ำไหล สำนักงานที่ดิน จ.กำแพงเพชร กำนัน ต.คลองน้ำไหล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ กรณีที่มีผู้ร้องเรียนเรื่องการรุกล้ำถนนทางสาธารณะของ นายสำราญ ศรีแปงวงค์ อดีต ส.ส.กำแพงเพชร พรรคประชาธิปัตย์ ตามข่าวที่ไทยรัฐได้นำเสนอไปแล้ว ซึ่งการลงพื้นที่ตรวจสอบของหน่วยงานราชการในครั้งนี้ มีนายสำราญ ศรีแปงวงค์ ผู้ถูกร้องพร้อมด้วยมวลชนกว่า 20 คน ได้มายังถนนที่เกิดข้อพิพาท รวมทั้งน.ส.สุนีย์ เฉื่อยฉ่ำ ผู้ร้องในกรณีดังกล่าว มีกลุ่มชาวบ้านจำนวนกว่า 20 คนที่ใช้ถนนเส้นทางสายนี้มาร่วมรับฟัง

เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึง ได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจ และแจ้งให้ทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้สำรวจบริเวณถนนและได้แจ้งกับทั้ง 2 ฝ่าย ได้ทราบว่าในวันนี้ ได้เข้าตรวจสอบถนนสายนี้ ส่วนจะเป็นทางสาธารณะ ตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างหรือไม่นั้น ทางศูนย์ดำรงธรรมจะได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง ส่วนนายสำราญ ผู้ถูกร้องเรียน เท่าที่ทราบยืนยันว่า พื้นที่ตรงนี้และถนนดังกล่าวเป็นพื้นที่ของตนโดยอ้างว่าเป็นทางส่วนบุคคล ซึ่งทางศูนย์ดำรงธรรม อ.คลองลาน ขอเวลาตรวจสอบสักระยะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีเวลาแสวงหาหลักฐานจากผู้เกี่ยวข้องนำมาตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ เพื่อจะได้ทราบว่า พื้นที่ถนนนี้เป็นทางสาธารณะ หรือเป็นทางส่วนบุคคลกันแน่

น.ส.สุนีย์ เฉื่อยฉ่ำ ผู้ร้องเรียนกล่าวว่า วันนี้พอใจที่มีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบในเรื่องนี้ จะได้มีเกิดความยุติธรรม ซึ่งหากพิสูจน์แล้วเส้นทางนี้เป็นที่ส่วนบุคคลของนายสำราญจริง ตนก็ยินยอม แต่หากตรวจสอบแล้วเป็นทางสาธารณะก็อยากจะให้ทางนายสำราญเปิดให้ใช้ ตั้งแต่ปากทางไปจนถึงทางออกไปยังเส้นทางไปคลองแม่ลายเลย อยากจะให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ ไม่ใช่เป็นของคนใดคนหนึ่ง เพราะหากปิดทางเส้นนี้ เวลาค่ำคืนชาวบ้านจะลำบากในการสัญจรเป็นอย่างมาก

“เส้นทางสาธารณะเส้นนี้ เป็นทางเดินของชาวบ้านมานานหลายปีแล้ว อย่างไรเสียเขาก็อยากจะใช้เส้นทางนี้กันอยู่ จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความยุติธรรมด้วยว่า อันไหนจริง อันไหนไม่จริง"

ขณะที่นายสำราญ ศรีแปงวงค์ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ถูกร้องเรียนกล่าวว่า เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว นายสมพงษ์ พงษ์สุทธิยากร ได้มาซื้อที่ดินทำร้านทอง ชื่อห้างทอง ส.พงษ์เจริญ ต่อมานายสมพงษ์ จะซื้อที่ดินด้านหลังต่อจากร้านทองของตัวเอง ซึ่งที่ดินดังกล่าวติดมาถึงที่ดินของตน และขอให้รถผ่านในที่ดินของตน โดยที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินของนางสุนีย์ และนางนาต เฉื่อยฉ่ำ (ผู้ร้องเรียน) ที่จะขายให้นายสมพงษ์ ซึ่งที่ผ่านมา น.ส.สุนีย์ ได้สร้างรั้วปูนระหว่างที่ดินของตน กับที่ดินของ น.ส.สุนีย์ มาหลายสิบปี โดยนางสุนีย์ ได้ขอให้ตนเปิดรั้วปูน และขอรถยนต์ผ่านในที่ดินของตน ซึ่งตนแจ้งไปว่าคงเปิดให้ใช้ไม่ได้ โดยที่ดินแปลงนี้ตนซื้อมาจากนายประจวบ ฤทธิ์เต็ม เมื่อปี 2530 โดยก่อนจะซื้อเป็นตลาดสดร้าง จนมาถึงทุกวันนี้ได้ทำเป็นที่อยู่อาศัย และประกอบอาชีพค้าขายมาแล้วกว่า 30 ปี ซึ่งยืนยันว่าที่ดินเป็นของตนโดยแท้จริง และไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาทำอะไร

...

ทางด้าน นายสมพงษ์ พงศ์สุทธิยากร ที่ถูกกล่าวอ้างถึง กล่าวว่า ความจริงเรื่องดังกล่าว ด้านหลังบ้านที่เป็นข้อพิพาทนั้น เป็นบ้านที่ทำการค้าของบุตรสาว อยู่ติดกับที่ดินของนางสุนีย์จริงตามที่กล่าวอ้าง แต่ไม่เคยขอซื้อจากนางสุนีย์ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน เพียงแต่นางสุนีย์จะเปิดทางเข้าออก และเป็นถนนทางสาธารณะ จึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับตน ทั้งนี้คงเป็นเรื่องของทางราชการจะพิสูจน์ว่าทางสาธารณะตรงนี้ กลายเป็นที่ส่วนบุคคลไปแล้วหรือไม่อย่างไร

ด้านชาวบ้านที่ใช้เส้นทางสายนี้ยืนยันว่าทุกวันยังใช้เส้นทางนี้ตั้งแต่รุ่นปู่ย่า ตายาย ซึ่งไม่ทราบว่าผู้ใดไปออกเอกสารสิทธิว่าทางสาธารณะเป็นทางส่วนบุคคล จึงอยากให้หน่วยงานราชการได้มาวัดแนวเขตให้ถูกต้องและชัดเจน