ผู้ที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองเป็นประจำ คงจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีพระสงฆ์กลายเป็นข่าวอื้อฉาวบ่อยครั้ง ส่วนใหญ่เป็นการกระทำผิดวินัยสงฆ์ หนักบ้างเบาบ้าง เช่น การดื่มสุราเมรัย การมีเพศสัมพันธ์กับสีกา หรือแม้แต่กับเด็กวัด เรื่องอื้อฉาวล่าสุดเกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่

นั่นก็คือการจัดปาร์ตี้ของพระภิกษุ 6 รูป ฆราวาสอีก 2 คน โดยตั้งวงกินหมูกระทะแกล้มเบียร์ในเวลากลางดึกของคืนหนึ่ง เมื่อเป็นการดื่มเบียร์ต่อหน้าพระพุทธรูป มีขวดเบียร์วางเกลื่อน พร้อมกับไวน์ 3 ขวดที่ยังไม่ได้เปิด เรื่องที่น่าตกใจก็คือ พระภิกษุผู้ร่วมเฮฮาปาร์ตี้ 4 รูป เป็นเจ้าอาวาส

ในองค์การปกครองคณะสงฆ์ ตำแหน่ง “เจ้าอาวาส” ของวัดเป็น “พระสังฆาธิการ” มีอำนาจหน้าที่เป็นผู้ปกครองคณะภิกษุ สามเณร และลูกศิษย์วัด และยังมีหน้าที่อบรมสั่งสอนให้ภิกษุสามเณรให้เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ให้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธา เป็นเนื้อนาบุญของพุทธศาสนิกชน เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา

เปรียบเทียบกับการปกครองของทางโลก เจ้าอาวาสเปรียบได้กับผู้ใหญ่บ้าน ที่มีอำนาจหน้าที่รักษาความสงบของหมู่บ้าน แต่เจ้าอาวาสกลับทำผิดเสียเอง เมื่อถูกจับได้ก็แก้ตัวว่า การดื่มสุราเป็นเพียงต้องอาบัติปาจิตตีย์ เป็นอาบัติที่ปลงได้ ห้ามตำรวจจับสึกเด็ดขาด เพราะยังไม่ขาดจากพระ

เจ้าหน้าที่ตำรวจนำเรื่องนี้ปรึกษากับเจ้าคณะอำเภอ ได้รับคำตอบว่าพระภิกษุจะขาดจากความเป็นพระ เพราะทำผิดปาราชิก 4 ข้อใดข้อหนึ่ง อันได้แก่ การเสพเมถุน การลักทรัพย์ การฆ่าคนตาย และการอวดอุตริมนุสธรรม แสดงว่าตำรวจจะจับสึกและนำตัวฟ้องศาล ตำรวจจึงต้องฟ้องศาลแขวงเชียงใหม่โดยไม่ต้องสึก

เป็นการฟ้องในความผิดเล็กๆ น้อยๆ เช่น การดื่มสุราในวัด และการมั่วสุมชุมนุม อันอาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด ศาลพิพากษาให้จำคุกคนละ 15 วัน ปรับคนลำ 10,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี ผู้ที่ดื่มสุราในวัดถูกปรับคนละ 12,500 บาท ส่วนความผิดทางวินัยยังไม่ตัดสิน

...

เรื่องอื้อฉาวในวงการพระสงฆ์ สะท้อนถึงการหย่อนยานขององค์การปกครองคณะสงฆ์ ปล่อยปละละเลยให้พระภิกษุละเมิดพระวินัย 223 ข้อ เป็นเรื่องปกติ เข้มงวดแค่ปาราชิก 4 ข้อ พระธรรมกิตติเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม ชี้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง กลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา.