บุกทลายปาร์ตี้คณะสงฆ์ล้อมวงเปิบหมูกระทะแกล้มเบียร์กันครื้นเครงต่อหน้าพระพุทธรูปในกุฏิเจ้าอาวาสวัดดังกลางเมืองเชียงใหม่ ดำเนินคดีพระสงฆ์ 6 รูป ในจำนวนนี้เป็นเจ้าอาวาส 4 วัด กับฆราวาส 2 คน ถูกแจ้งข้อหามั่วสุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 และความผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มสุรากันในวัด ชี้พฤติกรรมไม่เข้าข่ายอาบัติปาราชิกเลยจับสึกไม่ได้ ต้องถูกดำเนินคดีทั้งผ้าเหลือง ส่วนความผิดทางวินัยสงฆ์ เจ้าคณะอำเภอตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว

ตำรวจบุกทลายปาร์ตี้คณะสงฆ์ตั้งวงก๊งเบียร์กับแกล้มหมูกระทะเปิดเผยเมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 29 ส.ค. พ.ต.อ.รณชัย ลอดลอย ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ อ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับการร้องเรียนว่า มีกลุ่มพระสงฆ์และฆราวาสจัดปาร์ตี้ล้อมวงนั่งรับประทานอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันอย่างครึกครื้นส่งเสียงดังไม่เกรงกลัวต่อความผิดวินัยสงฆ์และยังเข้าข่ายผิดกฎหมาย ภายในวัดปันเสา ต.ศรีภูมิ จึงสั่งการให้กำลังสายตรวจไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุภายในกุฏิเจ้าอาวาส ตำรวจจู่โจมบุกเข้าไปพบพระสงฆ์ 6 รูป และฆราวาส 2 คนนั่งปูเสื่อล้อมวงพูดคุยสนทนาธรรมกันอยู่บนพื้นห้องต่อหน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ตั้งประดิษฐานอยู่ มีกระป๋องเบียร์และขวดไวน์วางเกลื่อน พร้อมจานชามกับแกล้มและเตาปิ้งย่างหมูกระทะส่งกลิ่นหอมฉุย เมื่อเห็นตำรวจบุกเข้ามาทุกคนถึงกับตกใจหน้าถอดสี แต่พยายามควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในอาการสำรวม ทั้งหมดยอมรับว่าดื่มเบียร์กันจริงเป็นความผิดแค่อาบัติปาจิตตีย์ ไม่ถึงขั้นปาราชิก ตำรวจรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุพร้อมนัดให้เข้าพบพนักงานสอบสวนตอนเช้าวันรุ่งขึ้น

ต่อมาเวลา 08.00 น. วันที่ 30 ส.ค. พระสงฆ์ 6 รูป และฆราวาส 2 คน เข้าพบ ร.ต.ท.นพรัตน์ วงษ์สุตา รอง สว. (สอบสวน) สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ประกอบด้วย พระภานุกร คำป็อก อายุ 42 ปี เจ้าอาวาสวัดปันเสา ที่เกิดเหตุ พระครูปลัดสุรเดช สายแผ่เยือง อายุ 34 ปี เจ้าอาวาสวัดยางกวง ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ พระครูมนูญธรรมศาสถ์พุทธกร วิมุติญาณกุง อายุ 41 ปี เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ พระอธิษฐณัฏฐ์ ปัญญาอินแก้ว อายุ 34 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านปิง ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ พระใบฎีกายนนนท์ ปัญญาปโตยานนท์ประทุม อายุ 35 ปี และพระทักษิณ ศรีธิ อายุ 36 ปี พระลูกวัดวัดปันเสา นายจรัสวลี ราชสมบัติ อายุ 23 ปี และนายสหการ สมศักดิ์ อายุ 25 ปี

...

เบื้องต้นทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาร่วมกันชุมนุมมั่วสุมหรือทำกิจกรรม ณ ที่ใดๆในสถานที่แออัดหรือสถานที่อื่นในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ของกลางกระป๋องเบียร์เปิดแล้ว 5 กระป๋อง ยังไม่ได้เปิดอีก 3 กระป๋อง และเครื่องดื่มไวน์ยังไม่ได้เปิด 3 ขวด ในส่วนของพระครูปลัดสุรเดช พระครูมนูญธรรมศาสถ์พุทธกร พระอธิษฐณัฏฐ์ และนายสหการ ทั้ง 4 คนมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายถูกแจ้งเพิ่มอีกข้อหาบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัดหรือสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 หลังสอบปากคำพนักงานสอบสวนอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งหมดโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ประกันตัว

พล.ต.ต.พิเชษฐ์ จีระนันตสินธ์ ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ เผยว่า คดีนี้นำเรื่องปรึกษาพระราชรัชมุนี เจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้ความว่า ความผิดที่เกิดขึ้นของพระสงฆ์ทั้ง 6 รูปไม่เข้าข่ายอาบัติปาราชิก มี 4 ประการ คือ เมถุนปาราชิก-เสพเมถุน อทินนาทานปาราชิก-การลักทรัพย์ มนุสสวิคคหปาราชิก-การฆ่ามนุษย์ และอุตตริมนุสสธรรมปาราชิก-การอวดอุตตริมนุสธรรม ไม่เข้าขั้นต้องลาสิกขาบทตามธรรมวินัย พระสงฆ์ทั้งหมดไม่สมัครใจลาสิกขาบททำให้ไม่สามารถบังคับได้ แต่จะมีการตั้งคณะกรรมการมาสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบว่าเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ในขั้นใดจะดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนการดำเนินคดี แม้จะไม่สึกแต่พนักงานสอบสวนสามารถนำตัวส่งฟ้องขณะยังครองผ้าเหลืองได้โดยไม่ผิดเงื่อนไข

น.ส.เกษสุดา ต.เจริญ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า ได้รายงานเรื่องนี้ไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แล้ว ในส่วนของ พศ.เป็นหน่วยงานสนับสนุนด้านวิชาการและระเบียบข้อกฎหมาย เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีอำนาจเข้าไปดำเนินการอะไรได้ แต่เป็นเรื่องของการดำเนินการทางปกครองของคณะสงฆ์พระธรรมกิตติเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) วัดราชาธิวาส ในฐานะประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า พระทั้ง 6 รูปอ้างว่าที่ทำลงไปมีความผิดแค่อาบัติปาจิตตีย์ ถือว่าไม่ถูกต้อง คำว่าปาจิตตีย์คือการทำให้ความดีตกหล่น หรือไม่เหลือดีแล้วนั่นเอง แม้ความผิดจะไม่ทำให้ขาดจากความเป็นพระ แต่ทำตัวไม่เหมือนพระ ทำตัวน่าละอาย ดื่มเหล้าต่อหน้าพระประธาน กินหมูกระทะเวลาดึก ถามว่ายังมีความเป็นสงฆ์อยู่อีกหรือ ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อม เจ้าคณะปกครองต้องเร่งดำเนินการ จะเป็นตัวอย่างไม่ดี ประชาชนจะเสื่อมศรัทธา

สำหรับวัดปันเสาเป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับการฟื้นฟูบูรณะ ตั้งอยู่ในพื้นที่ศูนย์มาลาเรียเขต 2 และอยู่ติดพื้นที่ลานจอดรถโรงพยาบาลเอกชน ไม่มีชุมชนรอบข้าง ทำให้ไม่มีชาวบ้านทราบพฤติกรรมของพระในวัด คาดว่าอาจเป็นคนในวัดที่สุดทนพฤติกรรม ของเจ้าอาวาสจึงร้องเรียนไปยังตำรวจเข้ามาตรวจสอบ สำหรับพระภานุกร เจ้าอาวาสวัดมีชื่อเสียงโด่งดังจากการพรมน้ำมนต์กลายเป็นพระธาตุ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ถือเป็นพระนักพัฒนาและยังเปิดร้านกาแฟภายในวัดเป็นที่โด่งดังในเมืองเชียงใหม่

ต่อมาเวลา 16.00 น. พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นพระสงฆ์ 6 รูปกับฆราวาส 2 คน ส่งฟ้องต่อศาลแขวงจังหวัดเชียงใหม่ ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้ง 8 คนเป็นเวลาคนละ 15 วัน และปรับคนละ 10,000 บาท ความผิดฐานรวมตัวมั่วสุมจัดกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี นอกจากนี้ศาลพิพากษาลงโทษพระครูปลัดสุรเดช พระครูมนูญธรรมศาสถ์พุทธกร พระอธิฐณัฏฐ์ และนายสหการ ที่ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มดื่มสุราในวัด สั่งปรับเงินคนละ 12,500 บาท