หนุ่มโชเฟอร์รถตู้รับจ้างอำมหิต เชือดคอ-แทงพรุน เศรษฐินีวัย 70 ปี หมกศพป่าละเมาะทางขึ้นดอย แม่กำปอง จ.เชียงใหม่ ชิงเงินสด-ของมีค่า ก่อนย้อนไปคอนโดฯเหยื่อ ยกตู้เซฟออกจาก ห้องพักมาโยนทิ้งน้ำ หลังก่อเหตุเผ่นกบดานเชียงราย ตำรวจตามล็อกตัวเค้นสอบ อ้างขอยืมเงิน 3 แสนบาท โดนบอกปัด ข่มขู่ให้โอนเงินถูกปฏิเสธ โมโหเลยสังหารทิ้งอย่างโหดเหี้ยม รองผู้การสืบภาค 5 ชี้ซ้ำรอย คดี “ฆ่ายัดตู้เย็น”
รวบหนุ่มขับรถตู้วัย 38 ปี ฆ่าปาดคอเศรษฐินีวัย 70 ปี ทิ้งป่าละเมาะรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 17 ก.ค. พ.ต.ท.มนัสชัย อินทร์เถื่อน รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงใหม่ นำกำลังชุดสืบสวน ประสาน ร.ต.ท.วรเชษฐ์ กันทะมาลี รอง สว. (สอบสวน) สภ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ แพทย์เวร รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.เชียงใหม่ ร่วมชันสูตรศพ น.ส.ผ่องศรี มธุรณานนท์ อายุ 70 ปี ที่เสียชีวิตอยู่ในป่าละเมาะริมถนนสายแม่ออน-แม่ตะไคร้ ถนนหมายเลข 1230 กม.ที่ 19-20 บ้านสหกรณ์ 6 ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทาดำ นุ่งกางเกงใน นอนหงายขึ้นอืด เนื้อหนังเริ่มหลุดรุ่ย มีบาดแผลถูกของมีคมปาดลำคอ หลอดลมขาด ลำตัวถูกแทงพรุน นำศพส่งให้แพทย์นิติเวช รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด
คดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ร.ต.ท.หญิงนวพร คำมงคล รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองเชียงใหม่ รับแจ้งจาก น.ส.ไพลิน ชัยศิริ อายุ 38 ปี หลานสาวผู้ตาย ว่าช่วงเช้าวันที่ 11 ก.ค. น.ส.ผ่องศรี ผู้เป็นป้า ได้นั่งรถตู้ออกจากคอนโดมิเนียม “ทวินพีค” ถนนช้างคลาน ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ แล้วหายตัวไปติดต่อไม่ได้ ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่คอนโดฯพบว่ารถตู้ที่มารับ น.ส.ผ่องศรี เป็นรถตู้โตโยต้า คอมมิวเตอร์ สีขาว ทะเบียน ฮจ 1536 เชียงใหม่ มีนายนวฤทธิ์ วณิชจินดา อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 339/74 หมู่ 7 ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เป็นเจ้าของรถ แต่เมื่อติดตามไปที่บ้านปรากฏว่านายนวฤทธิ์หลบหนีไปแล้ว
...
หลังทราบข้อมูล พ.ต.ท.มนัสชัย อินทร์เถื่อน รอง ผกก.สส. สภ.เมืองเชียงใหม่ สั่งการให้กำลังชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ออกแกะรอยตามหาตัว น.ส.ผ่องศรี จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่รถตู้แล่นผ่านพบว่า นายนวฤทธิ์ได้ขับรถตู้มารับ น.ส.ผ่องศรีออกจากคอนโดฯ เดินทางไปท่องเที่ยวบ้านแม่กำปอง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง จากนั้น น.ส.ผ่องศรี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนนายนวฤทธิ์ขับรถไปในพื้นที่ จ.เชียงราย ชุดสืบสวนตามไปควบคุมตัวได้ในช่วงบ่ายวันที่ 16 ก.ค. นำตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองเชียงใหม่
นายนวฤทธิ์ มือมีดอำมหิต ให้การรับสารภาพว่า ได้ลงมือฆ่า น.ส.ผ่องศรี เนื่องจากวันเกิดเหตุขับรถไปรับผู้ตายจากคอนโดฯย่านถนนช้างคลาน เพื่อไปบริจาคสิ่งของให้เด็กๆที่วัดในพื้นที่บ้านแม่กำปอง ขากลับขณะมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นช่วงค่ำ เวลาประมาณ 21.00 น. ได้จอดรถชวนผู้ตายลงมาพูดคุยตกลงปัญหาบางอย่าง แต่เกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน ตนบันดาลโทสะปรี่เข้าล็อกคอแล้วใช้มีดปลายแหลมที่อยู่ในรถตู้ ปาดคอเหยื่อจนเลือดทะลักท่วมร่าง แต่ผู้ตายยังไม่ขาดใจตายทันทีและพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด ตนเลยใช้มีดจ้วงแทงซ้ำที่ท้องและลำตัวอีกหลายครั้งจนแน่นิ่งเสียชีวิต ลากศพไปโยนทิ้งไว้ในป่าละเมาะข้างทางเพื่ออำพรางศพ
จากนั้นขับรถตู้กลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ มุ่งหน้าไปที่คอนโดฯของผู้ตายทำทีเหมือนมาส่งผู้ตายเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย และได้ขึ้นไปบนห้องผู้ตายยกตู้เซฟในห้องลงมาขึ้นรถขับออกไป แต่ไม่ทราบรหัสตู้เซฟทำให้เปิดไม่ได้ นำตู้เซฟไปโยนทิ้งน้ำในคลองชลประทาน ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ ก่อนกลับบ้านใน อ.สันทราย เก็บข้าวของแล้วหลบหนีไปกบดานที่ จ.เชียงราย กระทั่งถูกตำรวจตามไปจับกุมตัวดังกล่าว และพาตำรวจไปชี้จุดทิ้งศพ
พ.ต.ท.มนัสชัย อินทร์เถื่อน รองผกก.สส.สภ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การอ้างทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบและลงมือเพียงคนเดียวไม่มีบุคคลอื่นร่วมด้วย แต่ยังไม่ยอมให้การในบางประเด็น โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์กับผู้ตายและสาเหตุที่ลงมือฆ่า เนื่องจากผู้ตายเป็นคนมีฐานะร่ำรวย ใจบุญ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ตำรวจจะสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ขณะนี้ได้ตั้งประเด็นสังหารไว้ทั้งเรื่องชู้สาว ชิงทรัพย์ และอื่นๆ เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ” พร้อมกันนี้ได้ส่งชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่ประดาน้ำไปงมค้นหาตู้เซฟที่ผู้ต้องหานำไปโยนทิ้งน้ำกลับคืนมาได้แล้ว อยู่ระหว่างประสานญาติมาตรวจสอบว่ามีทรัพย์สินอะไรหายไปบ้าง
ต่อมา พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 เดินทางมาที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อสอบปากคำนายนวฤทธิ์อีกครั้ง แล้วไปตรวจสอบที่รถตู้โตโยต้า คอมมิวเตอร์ สีขาว ทะเบียน ฮจ 1536 กรุงเทพมหานคร หลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ภายในรถคันดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นพบคราบเลือดในรถ คาดเป็นเลือดที่ติดจากรองเท้าของผู้ต้องหา หลังนายนวฤทธิ์ เชือดคอฆ่า น.ส.ผ่องศรีริมถนนแล้วได้ลากศพไปทิ้งหมกป่าและกลับมาขึ้นรถ ทำให้เหยียบเลือดเหยื่อติดรองเท้าขึ้นมากลายเป็นหลักฐานสำคัญทางคดี
พ.ต.อ.ธวัชชัยกล่าวว่า เชื่อว่าเหตุผลที่แท้จริงเพราะผู้ต้องหาประสงค์ต่อทรัพย์ของผู้ตาย เนื่องจากเป็นคนมีฐานะระดับเศรษฐี แต่ไม่มีครอบครัว หลังก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.ผ่องศรีแล้ว ผู้ต้องหาได้ย้อนกลับมายังคอนโดฯที่พักของเหยื่อเพื่อรื้อค้นทรัพย์สินและนำตู้เซฟไป แต่อ้างว่าภายในไม่มีทรัพย์สินเลยนำไปโยนทิ้งน้ำ ตำรวจไปงมหาตู้เซฟมาได้แล้ว แต่ยังเปิดไม่ได้ จะต้องตรวจสอบอีกครั้งว่ามีทรัพย์สินของผู้ตายสูญหายหรือไม่
“เบื้องต้นคาดว่านายนวฤทธิ์ ผู้ต้องหา ลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียวไม่มีผู้ร่วมก่อเหตุด้วย แต่จะขอตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้ง คดีนี้เทียบเคียงได้กับคดีฆาตกรรมเศรษฐินียัดตู้เย็น ทิ้งศพไว้หมกบ้านในพื้นที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เมื่อปีก่อน ผู้ก่อเหตุเป็นคนใกล้ชิดที่ขับรถให้กับเศรษฐินีจนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ แต่สุดท้ายได้สังหารเศรษฐินีเพราะประสงค์ต่อทรัพย์สิน ตำรวจเชื่อว่านายนวฤทธิ์น่าจะมีปัญหาทางการเงิน แต่ยังไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร และหลังก่อเหตุได้ไปค้นหาทรัพย์สินภายในห้องพักของผู้ตายด้วย” พ.ต.อ.ธวัชชัยกล่าว
ช่วงเย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่า ตำรวจได้ไปตรวจสอบที่ห้องพักของผู้ตาย ภายในคอนโดมิเนียมดังกล่าวย่านถนนช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบว่ามีทรัพย์สินสูญหายหรือไม่ เบื้องต้นพบสมุดบัญชีเงินฝากหลายสิบเล่ม มีเงินฝากรวมกว่า 20 ล้านบาท อยู่ระหว่างรอญาติมาตรวจสอบร่วมกัน เพราะสงสัยว่าอาจมีการถอนเงินออกจากบัญชีไปหรือไม่หลังเกิดเหตุฆาตกรรม เนื่องจาก น.ส.ผ่องศรี ผู้ตาย เดิมมีภูมิลำเนาเป็นคนกรุงเทพฯ แต่ได้ย้ายมาพักอาศัยอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ เป็นสาวโสดไม่มีครอบครัว มีฐานะระดับเศรษฐินี ชอบทำบุญทำทานบริจาคสิ่งของให้เด็กตามป่าตามดอย รู้จักกับนายนวฤทธิ์ คนขับรถตู้เพราะจะเหมารถของนายนวฤทธิ์ไปตามสถานที่ต่างๆเป็นประจำ อีกทั้งล่าสุดเพิ่งขายที่ดินใน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ได้เงินหลายล้านบาท อาจเป็นสาเหตุให้นายนวฤทธิ์ร่วมกับคนใกล้ชิดวางแผนสังหารผู้ตายเพื่อหวังทรัพย์สินมรดก
...
ต่อมาช่วงเย็น พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ เดินทางมาสอบปากคำนายนวฤทธิ์ ผู้ก่อเหตุด้วยตนเอง ปรากฏว่าผู้ต้องหายอมเปิดปากสารภาพว่า วันเกิดเหตุได้เอ่ยปากขอยืมเงินผู้ตาย 3 แสนบาท แต่ผู้ตายบอกไม่มีให้ พอจะช่วยเหลือได้แค่หลักหมื่นบาทเท่านั้น ทำให้ตนโมโหหน้ามืดเข้าไปล็อกคอผู้ตายข่มขู่ให้โอนเงินให้ ผู้ตายปฏิเสธเลยเกิดความโมโห ใช้มีดปาดคอผู้ตายก่อนแทงซ้ำและกรีดหน้าท้องจนเหยื่อเสียชีวิต จากนั้นลากศพหมกป่าข้างทาง แล้วขับกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ระหว่างทางได้รื้อค้นกระเป๋าผู้ตายที่วางไว้บนเบาะ พบกุญแจคอนโดฯและเงินสดจำนวนมาก ได้เก็บทรัพย์สินที่เป็นเงินสดไว้ ก่อนไปยกตู้เซฟในห้องพักผู้ตายมาขึ้นรถแต่เปิดไม่ออก ทรัพย์สินบางส่วนนำไปฝากไว้กับเพื่อนชาวเมียนมา ยืนยันว่าสาเหตุเกิดจากต้องการชิงทรัพย์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องชู้สาวแต่อย่างใด