สมาคมนักข่าว ตปท. วอนรัฐไทยห้ามส่งตัวแกนนำต้านรัฐบาลเมียนมากลับประเทศ หลังทั้ง 5 คนถูกตำรวจบุกจับคาบ้านพักข้อหาลักลอบเข้าเมือง ด้าน ตร.แจงอยู่ในขั้นตอนดำเนินคดี ยังไม่ผลักดันออกนอกประเทศ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีสื่อต่างประเทศ รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ได้ตีข่าวกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันทราย จ.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหาต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองจำนวน 5 คน โดยระบุว่า บุคคลทั้ง 5 คนนั้นเป็นคนสำคัญในการต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า ขอให้รัฐบาลไทย และตำรวจเชียงใหม่ อย่าผลักดันออกนอกประเทศ เพราะอาจจะมีอันตรายถึงชีวิต โดยสำนักข่าว DVB ได้ตีข่าวเช้าวันนี้ เรียกร้องทางการไทย ไม่ส่งตัวผู้สื่อข่าว และนักเคลื่อนไหว รวม 5 คน ที่ถูกจับตัวที่เชียงใหม่ กลับเมียนมา หวั่นได้รับอันตราย หลังหลบหนี เพราะนำเสนอข่าวต่อต้านรัฐประหาร จนถูกถอนใบอนุญาต และต้องหลบหนีออกจากประเทศเมียนมา
ซึ่งการจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 พ.ค.64 นายสิวะ รมิกานนท์ นายอำเภอสันทราย พ.ต.อ.ฐาปนพงศ์ ชัยรังพี ผกก.สภ.สันทราย พร้อมชุดจับกุมฝ่ายปกครองอำเภอสันทรายได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว น.ส.ดารา มณีติลาวงศ์ อายุ 47 ปี ชาวบ้าน ม.11 ต.ชิงคอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ในข้อหา "ให้ที่พักพิง อาศัย แก่บุคคลต่าวด้าวฯ" และจับกุมตัวนางสาว ZUNSI THU อายุ 38 ปี นางสาว AYA AYA THU อายุ 41 ปี นายมิน อายุ 39 ปี นายจ่อเซ่ อายุ 36 ปีและนายอ่อง อายุ 42 ปี ทั้ง 5 คนเป็นชาวเมียนมา ในข้อหา "เป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต"
...
การจับกุมครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองตำรวจ ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 414/89 หมู่ 3 ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ หวั่นเกรงจะมาแพร่เชื้อโควิด-19 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสันทรายร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันทราย และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสันทราย จึงได้ร่วมกัน ไปตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้พบกับ น.ส.ดารา เป็นผู้เช่าบ้านหลังดังกล่าวและพบบุคคลต่างด้าวที่พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวอีกจำนวน 5 คน ซึ่ง น.ส.ดารา ได้ยอมรับว่าเป็นผู้ยินยอมให้บุคคลต่างด้าวมาอยู่อาศัยในบ้านที่เกิดเหตุ
เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหาชาวเมียนมา หลบหนีเข้าประเทศไทย เมื่อราวๆ 2 เดือนก่อนทางช่องทางธรรมชาติ ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน และเข้ามาหลบที่บ้านที่ อ.สันทราย ได้ราวๆ 1 เดือน ส่วนกรณีที่เป็นคนที่ทางการเมียนมาต้องการตัวนั้น กลุ่มผู้ต้องหาไม่ขอให้การใดๆ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุด สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์กรณีตำรวจไทยจับกุมนักข่าวชาวพม่าที่ลี้ภัยจากประเทศเมียนมา โดยมีเนื้อหาดังนี้
คณะกรรมการวิชาชีพแห่งสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (FCCT) มีความกังวลใจอย่างยิ่งต่อกรณีการจับกุมผู้สื่อข่าว 3 คนจากสำนักข่าว Democratic Voice of Burma (DVB) พร้อมด้วยผู้ติดตามอีก 2 คน ที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา บุคคลทั้ง 5 รายถูกตั้งข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และมีกำหนดขึ้นศาลภายในวันที่ 11 พ.ค.นี้
สมาคมฯ ขอเรียกร้องให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 ราย ได้รับการปล่อยตัว และได้รับสิทธิ์ในการพักพิงชั่วคราวในประเทศไทยโดยปลอดภัย ทางการไทยต้องไม่ผลักดันผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 รายกลับประเทศเมียนมาโดยเด็ดขาด เพราะบุคคลทั้ง 5 จะถูกทางการเมียนมาจับกุมตัวและดำเนินคดีอย่างแน่นอน
นับตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. มีประชาชนถูกทางการเมียนมาจับกุมตัวแล้วประมาณ 5,000 ในจำนวนนี้เป็นผู้สื่อข่าวอย่างน้อย 70 ราย นอกจากนี้ยังมีรายงานที่บ่งชี้ถึงการทรมานและสังหารผู้ถูกจับกุมจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา สภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ซึ่งเป็นคณะรัฐบาลทหารของเมียนมา ได้ออกคำสั่งริบใบอนุญาตของสำนักข่าว DVB พร้อมด้วยสื่ออื่นๆ อีก 4 แห่ง ทำให้การรายงานข่าวของสื่อมวลชนเหล่านี้เป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศเมียนมาโดยทันที อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวหลายคนยังยืนหยัดในการทำหน้าที่ต่อ แม้จะตกเป็นเป้าจากสภาบริหารแห่งรัฐก็ตาม
ต่อมาในวันที่ 4 พ.ค. รัฐบาลเมียนมาออกคำสั่งห้ามรับชมโทรทัศน์ผ่านจานดาวเทียมทั่วประเทศ แสดงถึงความไม่พอใจของรัฐบาลต่อการรายงานข่าวของ DVB อย่างชัดเจน เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายสกัดกั้นข้อมูลข่าวสารผ่านสัญญาณจานดาวเทียมจากสำนักข่าว DVB และสำนักข่าว Mizzima ซึ่งได้ถูกรัฐบาลสั่งปิดเช่นกัน
ขณะนี้ ประชาคมโลกกำลังจับตาดูว่าทางการไทยจะมีท่าทีอย่างไรต่อประเด็นเสรีภาพสื่อมวลชนในเมียนมาและการปกป้องบุคคลที่ลี้ภัยจากการปราบปรามอันโหดร้ายของรัฐบาลทหารเมียนมา
เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2564
สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย
ต่อมา พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ พนักงานสอบสวนได้ส่งตัวผู้ต้องหาไปฟ้องต่อศาลแขวงเชียงใหม่แล้วเมื่อช่วงเช้าของวันนี้(11 พ.ค.64) แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธในชั้นศาล พนักงานสอบสวนจึงต้องรับตัวผู้ต้องหากลับมาเพื่อทำการผัดฟ้องต่อศาล และจะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสรุปสำนวนการสอบสวนให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วันตามขั้นตอนของการสอบสวน
...
สำหรับประเด็นการดำเนินคดี และการผลักดันผู้ต้องหาออกนอกราชอาณาจักรที่มีการเรียกร้องโดยสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องนับตั้งแต่มีการควบคุมตัวผู้ต้องหา และการนำตัวผู้ต้องหาไปส่งฟ้องต่อศาลแขวงเชียงใหม่ สำหรับการผลักดันผู้ต้องหาออกนอกราชอาณาจักรนั้น โดยปกติจะดำเนินการภายหลังจากเมื่อกระบวนการพิจารณาของศาลเสร็จสิ้นโดยเป็นขั้นตอนการดำเนินการตาม พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องพิจารณาและประเมินจากหลายๆ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาผลักดันออกนอกราชอาณาจักรตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาในประเด็นเรื่องการผลักดันออกนอกราชอาณาจักรแต่อย่างใด.